คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 2 ใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางกลุ่มผู้เสียหายซึ่งมีประมาณ 10 คน โดยไม่ใยดีว่ากระสุนปืนจะถูกผู้ใดหรือไม่ แม้จะเป็นการยิงเพียงนัดเดียวก็อาจถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83, 371, 32 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 และมาตรา 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสองความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเรื่องอาวุธปืน เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 2 ปี และปรับ6,000 บาท ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน ปรับ 4,000 บาทฐานพาอาวุธปืนติดตัวเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาทรวมเป็นโทษจำคุก 3 ปี 2 เดือน และปรับ 12,000 บาท จำเลยที่ 2 ยังเป็นนักศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาชั้นอุดมศึกษาระดับปริญญาตรี ทั้งไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสกลับตัว ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 โดยให้จำเลยที่ 2 รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3 เดือนต่อครั้ง ภายใน 1 ปี ริบอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด .45กระสุนปืนขนาด .45 ทั้งหมด และลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารของกลางส่วนอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ กท.788747 และ ของกลางอื่นคืนเจ้าของหากไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ข้อหาอื่นให้ยก และยกฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก10 ปี จำเลยที่ 2 อายุยังน้อย ยังศึกษาเล่าเรียนอยู่ ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ในชั้นจับกุมก็รับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…การที่ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันแล้วต่างลุกขึ้นทำท่าจะทำร้ายกัน แล้วจำเลยที่ 2 ชักปืนออกจากเอวยิงไปทางโต๊ะของฝ่ายผู้เสียหายเพียง 1 นัด โดยมิได้ยิงซ้ำ ทั้งที่มีกระสุนบรรจุอยู่อีก 5 นัด และพอผู้เสียหายกับพวกพากันวิ่งหนีขึ้นชั้นลอย จำเลยที่ 2 ก็มิได้ไล่ตามไป ยิงนัดแรกแล้วก็ตามพวกออกจากร้านทันที สาเหตุที่ทะเลาะกันก็ไม่ร้ายแรงถึงกับต้องฆ่ากัน จำเลยที่ 2 น่าจะกระทำเพื่อต้องการข่มอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้นโดยไม่ประสงค์ต่อผลที่จะฆ่าอีกฝ่ายหนึ่ง แต่การที่จำเลยที่ 2ใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางกลุ่มผู้เสียหายซึ่งมีประมาณ10 คน โดยไม่ใยดีว่ากระสุนปืนจะถูกผู้ใดหรือไม่ แม้จะเป็นการยิงเพียงนัดเดียวก็อาจถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ดังจะเห็นได้จากการยิงในครั้งนี้ทำให้กระสุนปืนถูกแขนขวาของผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน.

Share