คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2927/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจตามมาตรา 22 และมาตรา 24 แห่งพ.ร.บ. ล้มละลายฯ ที่จะจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของลูกหนี้ ดังนั้น เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว จำเลยจึงหามีอำนาจต่อสู้คดีหรือกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินไม่ ไม่ว่าในชั้นพิจารณาหรือชั้นบังคับคดี ฉะนั้น เมื่อการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินเป็นการต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้อย่างหนึ่งอันเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ขอเข้ามาดำเนินคดีแทน จำเลยก็ไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดได้.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาดต่อมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2533 เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปในราคา 20,500,000 บาทจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2533 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3ไม่ชอบและขายได้ราคาต่ำ ขอให้ขายทอดตลาดใหม่
โจทก์และนายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำแถลงคัดค้านและโจทก์อ้างว่า เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2532 จำเลยที่ 3กับพวกได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.827/2532 ระหว่าง บริษัทแอลแคนสยาม จำกัด โจทก์ห้างหุ้นส่วนจำกัดเทียนสื่อที่ 1 กับพวก จำเลย จำเลยที่ 3จึงไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 24 ขอให้ยกคำร้อง
วันนัดไต่สวน ทนายจำเลยที่ 3 แถลงว่า จำเลยที่ 3 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามคำแถลงคัดค้านของโจทก์จริง ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยที่ 3 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปแล้วก่อนยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดคดีนี้จำเลยที่ 3 จึงไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดอีกเนื่องจากเป็นการจัดการทรัพย์สินอย่างหนึ่ง อันเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) และมาตรา 24จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามสำนวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2532 จำเลยที่ 3 กับพวกได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายเรื่องอื่น วันที่ 19 กุมภาพันธ์2533 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3ที่ยึดไว้ในคดีนี้ วันที่ 23 เดือนเดียวกัน จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด จำเลยที่ 3 ฎีกาว่าคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้เข้ามาว่าคดีแทนจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 25แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 จำเลยที่ 3 จึงมีอำนาจที่จะดำเนินคดีร้องคัดค้านการขายทอดตลาดคดีนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่า ตามบทบัญญัติในมาตรา 22 และ 24 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483ได้กล่าวไว้ชัดแจ้งว่า เมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้หามีอำนาจต่อสู้คดีใด ๆ หรือการกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินไม่ไม่ว่าในชั้นพิจารณาหรือชั้นบังคับคดี การร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินเป็นการต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้อย่างหนึ่งอันเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 3 จึงไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเพราะกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ “แต่ผู้เดียว”แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ขอเข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยที่ 3จำเลยที่ 3 ก็จะดำเนินคดีเองต่อไปไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ 3ไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเข้ามาเป็นคดีนี้แล้วฎีกาข้ออื่นจึงไม่เป็นสาระแก่คดี ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำร้องของจำเลยที่ 3 จึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share