แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนวัสดุก่อสร้างบ้านที่จำเลยรื้อถอนไปแก่โจทก์โดยได้บรรยายฟ้องระบุเลขที่บ้านและสถานที่ตั้งของบ้านพิพาท ตลอดจนบุคคลที่ขายบ้านพิพาทให้แก่โจทก์กับราคาที่โจทก์ซื้อมาและได้บรรยายต่อไปถึงพฤติการณ์ที่จำเลยรื้อบ้านพิพาทนำเอาวัสดุไปก่อสร้างบ้านหลังใหม่ พร้อมกับแนบสำเนารายการวัสดุของบ้านพิพาทที่จำเลยรื้อไปมาท้ายฟ้องด้วย สามารถรู้ได้ว่ามีวัสดุอะไรบ้างที่จำเลยรื้อไปจากบ้านพิพาท ส่วนบ้านพิพาทเป็นบ้านแบบใด ราคาของวัสดุเท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ฟ้องโจทก์จึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ไม่เคลือบคลุม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อบ้านเลขที่ 85/22 ถนนพุทธบูชาตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก จากนายเอี่ยมเม้ง แซ่ลี้ และนางแนบหรือพูนสุข เวชอุไร เจ้าของเดิมในราคา 35,000 บาท และโจทก์รับมอบบ้านดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์จะรื้อบ้านดังกล่าวไปนายสรายุธ แซ่ลี้ บุตรของบุคคลทั้งสองขออาศัยอยู่ชั่วคราวเพื่อหาที่พักใหม่ ต่อมาจำเลยกับพวกได้รื้อบ้านดังกล่าวและนำวัสดุตามสำเนารายการวัสดุท้ายฟ้องไปก่อสร้างบ้านเลขที่ 135/18ถนนอรัญญิกสาย 3 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลกจังหวัดพิษณุโลก โดยอ้างว่าซื้อบ้านดังกล่าวจากนายสรายุทธ จำเลยทราบว่าบ้านดังกล่าวไม่ใช่บ้านของนายสรายุทธ ขณะจำเลยรื้อถอนโจทก์ก็ห้ามปรามแล้วถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในบ้านดังกล่าวส่วนนายสรายุทธถูกศาลแขวงพิษณุโลกพิพากษาว่า มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ ลงโทษจำคุก 4 เดือนกับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์ด้วย ขอให้บังคับจำเลยคืนวัสดุก่อสร้างที่จำเลยรื้อถอนไปถ้าคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคา 35,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27มิถุนายน 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้บรรยายว่าบ้านดังกล่าวเป็นบ้านแบบใด มีวัสดุอะไรบ้าง มีราคาเท่าใด ทำให้จำเลยเสียเปรียบไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยคืนทรัพย์ซึ่งเป็นวัสดุก่อสร้างบ้านเลขที่ 85/22 ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลกจังหวัดพิษณุโลก ที่จำเลยรื้อถอนไปให้แก่โจทก์ตามรายการเอกสารหมาย จ.3 หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 35,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2527 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาเพียงว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่า บ้านพิพาทเป็นบ้านแบบใดมีวัสดุอะไรบ้างและราคาของวัสดุเท่าใด ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีโจทก์ในเรื่องความเสียหายได้ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุเลขที่บ้านและสถานที่ตั้งของบ้านพิพาท ตลอดจนบุคคลที่ขายบ้านพิพาทให้แก่โจทก์กับราคาที่โจทก์ซื้อมา และได้บรรยายต่อไปถึงพฤติการณ์ที่จำเลยรื้อบ้านพิพาทนำเอาวัสดุไปก่อสร้างบ้านเลขที่135/18 ถนนอรัญญิกสาย 3 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลกจังหวัดพิษณุโลก พร้อมกับแนบสำเนารายการวัสดุของบ้านพิพาทที่จำเลยรื้อไปมาท้ายฟ้องด้วย สามารถรู้ได้ว่ามีวัสดุอะไรบ้างที่จำเลยรื้อไปจากบ้านพิพาท ส่วนบ้านพิพาทเป็นบ้านแบบใด ราคาของวัสดุเท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วจึงไม่เคลือบคลุม”
พิพากษายืน