คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6301/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภาพพิมพ์ของกลางเป็นภาพหญิงสาวซึ่งมีบางภาพเปิดเผยเต้านมอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนที่อวัยวะเพศแม้จะมีผ้าอาภรณ์ปกปิดไว้ แต่ก็ปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ ซึ่งนอกจากจะอยู่ในอิริยาบทที่ไม่เรียบร้อยไม่น่าดูแล้ว ยังอยู่ในอิริยาบทที่น่าเกลียดน่าบัดสีอีกด้วยกล่าวคือ มีบางภาพอยู่ในอิริยาบทนอนก็นอนหงายถ่างขาออกอย่างกว้างทำนองเจตนาเพื่ออวดอวัยวะเพศอย่างเด่นชัด ส่วนภาพที่อยู่ในอิริยาบทนั่งก็นั่งถ่างขาออกแม้จะมีผ้าปกปิดอวัยวะเพศก็เป็นผ้าบางใส ซึ่งแสดงว่าต้องการอวดอวัยวะเพศเช่นเดียวกับภาพในอิริยาบทนอนดังกล่าว จึงเป็นภาพที่มีเจตนายั่วยุให้บังเกิดความใคร่ทางกามารมณ์โดยตรง ถือเป็นภาพลามกตามความหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287(1).
การบังคับค่าปรับเอาแก่นิติบุคคลนั้น จะกักขังแทนค่าปรับไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๗, ๘๓ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๗ (๑), ๘๓ จำเลยที่ ๑ ลงโทษจำคุกและปรับ จำเลยที่ ๒ ลงโทษปรับ โทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ ๑ ให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙,๓๐ ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับภาพหญิงสาวในภาพพิมพ์ของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันทำขึ้นและมีไว้นั้น มีบางภาพเปิดเผยเต้านมอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนที่อวัยวะเพศแม้จะมีผ้าอาภรณ์ปกปิดไว้ แต่ก็ปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ ซึ่งนอกจากจะอยู่ในอิริยาบทที่ไม่เรียบร้อยไม่น่าดูแล้ว ยังอยู่ในอิริยาบทที่น่าเกลียดน่าบัดสีอีกด้วยกล่าวคือมีบางภาพที่อยู่ในอิริยาบทนอนก็นอนหงายถ่างขอออกอย่างกว้างขวางทำนองเจตนาเพื่ออวดอวัยวะเพศอย่างเด่นชัด ส่วนภาพที่อยู่ในอิริยาบทนั่งก็นั่งถ่างขาออก แม้จะมีผ้าปกปิดอวัยวะเพศก็เป็นผ้าบางใส ซึ่งแสดงว่าต้องการอวดอวัยวะเพศเช่นเดียวกับภาพในอิริยาบทนอนดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น จึงเป็นภาพที่มีเจตนายั่วยุให้บังเกิดความใคร่ในทางกามารมณ์โดยตรง ดังนี้ ถือว่าเป็นภาพลามก ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าภาพการประกวดนางสาวไทย ซึ่งแสดงส่วนสัดของร่างกายเมื่อเปรียบเทียบกับภาพพิมพ์หมาย จ.๔ แล้วก็ต้องเป็นภาพลามกไปด้วยนั้น เห็นว่าภาพการประกวดนางสาวไทยจะเป็นภาพลามกหรือไม่ ก็ไม่ทำให้จำเลยทั้งสองพ้นผิดไปได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตามโจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน แต่เฉพาะจำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคลจะกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ จึงให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ แต่ประการเดียว.

Share