แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีอาญาที่รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันหามีกฎหมายบทใดกำหนดให้ศาลต้องวินิจฉัยคดีเป็นรายสำนวนไม่ คดีทั้งเจ็ดสำนวนนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานและรวมวินิจฉัยทุกสำนวนแล้วเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่จำต้องวินิจฉัยเป็นรายคดีตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมดเป็นรายสำนวนไปไม่
ย่อยาว
คดีทั้งเจ็ดสำนวนนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาและพิพากษารวมกันกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 981/2540 ของศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดแล้ว คดีคงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะเจ็ดสำนวนนี้
โจทก์ทั้งเจ็ดสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2535 เวลากลางวัน อันเป็นวันเวลาที่อยู่ระหว่างการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดน่าน จนถึงวันเลือกตั้ง คือ วันที่ 13 กันยายน 2535 จำเลยกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยการจัดทำ ให้เสนอให้ทรัพย์สินแก่ผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุข โลหะโชติ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หมายเลข 13 เขตเลือกตั้งดังกล่าวข้างต้นจำนวน 7 ราย มีรายละเอียดดังนี้ รายแรกจำเลยนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้แก่นายสมชายหรือชาย หุตะเจริญ เพื่อจูงใจให้บุคคลดังกล่าวกับนางช้อนหรือซัน หุตะเจริญ นางน้อย สอนนนฐีนายมาดหรือสามารถ สอนนนฐี และนายรังหรือลัง คำมงคลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุข รายที่สอง จำเลยนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้แก่นายอำนวยหรือนวย สอนนนฐี เพื่อจูงใจบุคคลดังกล่าวกับนางป่วน สอนนนฐี นายสวาทหรือสวาด สอนนนฐี นางเปลื่องหรือเปลือง สอนนนฐีและนายทอง สอนนนฐี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุขรายที่สาม จำเลยนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้แก่นายมาฆหรือมาส ประดิษฐ์ เพื่อจูงใจให้บุคคลดังกล่าวกับนางศรีวรรณ์หรือศรีวรรณหรือเป็ง ประดิษฐ์หรือสอนนนฐี นายทอง สอนนนฐี และนางแก้ว สอนนนฐี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุข รายที่สี่ จำเลยนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้แก่นายทวีหรือวี เกียนสืบเพื่อจูงใจให้บุคคลดังกล่าวกับนายทา เกียนสืบและนายสม สอนนนฐีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุข รายที่ห้า จำเลยนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้แก่นายบุญส่งหรือส่ง สอนนนฐี กับนางลอยหรือบัวลอย สอนนนฐีเพื่อจูงใจให้บุคคลทั้งสองกับนายเสริม สอนนนฐี นางเล็ก สอนนนฐีและนายน๊ะ สอนนนฐี ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุข รายที่หก จำเลยนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้แก่นายอิ่นแก้วหรือแก้ว แสงน้อย กับนางบุตร แสงน้อยเพื่อจูงใจให้บุคคลทั้งสองกับนายลานหรือเย็นสอนนนฐีและนางเขียวหรือบัวเขียว สอนนนฐี ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุข และรายสุดท้าย จำเลยนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้แก่นายผ่าน กันใจมา กับนางเรือน กันใจมา เพื่อจูงใจให้บุคคลทั้งสองกับนายวันหรือวรรณ์ สอนนนฐี และนางนากหรือนางสาวหยัน สอนนนฐี ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางสาวพูนสุข ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 35, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ริบของกลางและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี กับขอให้นับโทษจำเลยทั้งเจ็ดสำนวนติดต่อกัน
จำเลยทั้งเจ็ดสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 983ถึง 987/2535 กับ 989/2535 และ 990/2535 ของศาลชั้นต้นมีความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 มาตรา 35(1), 91 ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปีโดยให้นับโทษแต่ละสำนวนติดต่อกัน ริบของกลาง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี
จำเลยทั้งเจ็ดสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งเจ็ดสำนวนฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมาเพียงข้อเดียวว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงเป็นรายคดีตามอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ในปัญหาดังกล่าวเห็นว่า ในคดีหลายสำนวนที่รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน หามีกฎหมายบทใดกำหนดให้ศาลต้องวินิจฉัยคดีเป็นรายสำนวนดังที่จำเลยฎีกาไม่ คดีทั้งเจ็ดสำนวนนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานและรวมวินิจฉัยทุก ๆ สำนวนแล้วจึงเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไม่จำต้องวินิจฉัยข้ออุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมดโดยระบุเป็นรายสำนวนแต่อย่างใด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ชอบด้วยกฎหมายแล้ว”
พิพากษายืน