คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 60 บาทแต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 บัญญัติว่า ในการกักขังแทนค่าปรับให้ถืออัตรา 70 บาท ต่อหนึ่งวัน ฉะนั้น การบังคับค่าปรับจึงกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30จึงเป็นการไม่ถูกต้อง เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องเป็นว่าหากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29แต่ประการเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 83, 84, 90, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบอาวุธปืนลูกกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนของกลาง นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 1688/2538 ของศาลชั้นต้นและนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 5731/2537ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 84 ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต กับลงโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง จำคุก 3 ปี ฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปีคำให้การของจำเลยทั้งสองในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนมีรายละเอียดเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คนละหนึ่งในสาม โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 53 สำหรับจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นจำคุก 33 ปี 4 เดือนฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 1 ปี4 เดือน รวมจำคุก 36 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด33 ปี 4 เดือน ริบของกลางทั้งหมด นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ 1688/2538 ของศาลชั้นต้นและนับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ 5731/2537 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุกตลอดชีวิต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสามลงโทษจำคุก 1 ปี ลงโทษฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ปรับ 90 บาท คำให้การของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 53 ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองจำคุก 8 เดือน ฐานพาอาวุธปรับ 60 บาทเรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก 34 ปี ปรับ 60 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน60 บาท แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 บัญญัติว่า ในการกักขังแทนค่าปรับให้ถืออัตรา 70 บาท ต่อหนึ่งวัน ฉะนั้น การบังคับค่าปรับจึงกักขังแทนค่าปรับไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นั้น เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่า หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 แต่ประการเดียวนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share