คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาที่ผู้ประกันทำไว้แก่พนักงานสอบสวนว่า ผู้ประกันจะชำระให้แก่พนักงานสอบสวนเมื่อผู้ประกันผิดสัญญาไม่ส่งตัวผู้ต้องหาได้ตามกำหนดนั้น เป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้า มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ เมื่อปรากฏว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันโดยไม่สามารถนำผู้ต้องหามาส่งให้พนักงานสอบสวนตามกำหนด แต่ต่อมาได้ติดตามตัวผู้ต้องหาจนถึงชี้ตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมมาดำเนินคดีต่อไปได้ ความเสียหายของพนักงานสอบสวนที่ดำเนินคดีแก่ผู้ต้องหาจึงน้อยลง การที่จะให้ผู้ประกันใช้เงินเต็มตามสัญญาประกันในกรณีเช่นนี้ ย่อมเป็นการกำหนดให้ชำระเบี้ยปรับสูงเกินส่วนศาลย่อมลดเบี้ยปรับลงได้ตามที่เห็นสมควร.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาประกันตัวนายเนื่องผู้ต้องหาไปจากโจทก์ โดยสัญญาว่าจะส่งตัวนายเนื่องตามวันที่ที่กำหนดไว้ถ้าไม่นำตัวมาส่งตามกำหนดจำเลยยอมใช้เงิน 200,000 บาท ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันส่งตัว จำเลยไม่สามารถนำตัวนายเนื่องมาส่งให้โจทก์ได้ โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระค่าปรับตามสัญญาแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยทำสัญญาประกันตัวนายเนื่องต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายเนื่องผู้ต้องหาถูกจับตัวได้ในเวลาต่อมา เห็นสมควรลดค่าปรับให้ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน50,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังยุติโดยไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2530 จำเลยได้ทำสัญญาประกันตัวนายเนื่อง เรไรสระน้อย ผู้ต้องหา ข้อหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาต่อโจทก์ โดยจำเลยตกลงจะนำตัวนายเนื่องผู้ต้องหามามอบแก่โจทก์ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2530 หากผิดสัญญาจำเลยจะชำระเงินจำนวน 200,000 บาท แก่โจทก์ ปรากฏตามบันทึกสัญญาประกัน คำร้องขอประกัน และรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.2 จ.3 และ จ.4 เมื่อถึงกำหนดวันส่งตัวนายเนื่องจำเลยผิดสัญญาประกัน โจทก์แจ้งให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาทตามสัญญาประกัน จำเลยไม่ชำระ โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ในวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยถอนคำให้การเดิมและให้การรับตามฟ้องโจทก์โดยแถลงว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับนายเนื่องได้แล้ว ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยต้องชำระเงินจำนวน 200,000บาท ตามสัญญาประกันให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า เงินจำนวน 200,000บาท ที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันเอกสารหมาย จ.3 ให้จำเลยชำระให้แก่โจทก์เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งตัวนายเนื่องต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนตามกำหนดนั้นเป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้ามีลักษณะเป็นเบี้ยปรับซึ่งกำหนดให้จ่ายชดเชยให้โจทก์ เมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายเมื่อไม่ได้ตัวนายเนื่องผู้ต้องหามาดำเนินคดีจริงอยู่จำเลยผิดสัญญาประกันและโจทก์ได้รับความเสียหาย แต่ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีวันที่ 19 สิงหาคม 2531 ท้ายคำร้องของจำเลยลงวันที่ 8 กันยายน 2531 ปรากฏชัดว่าจำเลยเป็นผู้ชี้ตัวนายเนื่องให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจนได้ตัวนายเนื่องส่งต่อโจทก์ ทั้งยังปรากฏจากรายการค่าใช้จ่ายในการติดตามนายเนื่องเอกสารท้ายคำร้องของจำเลยดังกล่าวว่า จำเลยได้ใช้จ่ายเงินในการติดตามตัวนายเนื่องเป็นจำนวน 25,800 บาท ซึ่งโจทก์ไม่แถลงคัดค้านแต่ประการใด ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยติดตามตัวนายเนื่องจนถึงชี้ตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจจับนายเนื่องได้และมอบแก่โจทก์เพื่อดำเนินคดีในภายหลังเช่นนี้ ความเสียหายของโจทก์ที่ดำเนินคดีแก่นายเนื่องล่าช้าจึงน้อยลง การที่จะให้จำเลยใช้เงินเต็มตามสัญญาประกันในกรณีเช่นนี้ ย่อมจะเป็นการกำหนดให้ชำระเบี้ยปรับสูงเกินส่วน ศาลย่อมลดเบี้ยปรับลงได้ตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเหมาะสมแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share