คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6136/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอมเนื่องจากจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงิน ประเด็นตามคำให้การจึงมีเพียงว่าจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินหรือไม่ อันจะนำไปสู่การพิจารณาว่าสัญญากู้เงินปลอมหรือไม่ ส่วนสาเหตุอื่นที่อาจทำให้สัญญากู้เงินปลอมล้วนไม่ใช่ประเด็นตามคำให้การ การที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินที่ยังไม่ได้กรอกข้อความเป็นเหตุให้สัญญากู้เงินเป็นสัญญาปลอม และจำเลยยังไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เงิน จึงเป็นการนำสืบนอกข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2537 จำเลยทั้งสามร่วมกันทำสัญญากู้ยืมเงินและรับเงินจากโจทก์จำนวน 200,000 บาทโดยมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 473 เป็นหลักประกันกำหนดชำระภายในวันที่ 13 มิถุนายน 2538 แล้วไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 234,200 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินจำนวน200,000 บาท ถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามไม่ได้ร่วมกันกู้เงินจำนวน 200,000 บาท จากโจทก์ และมิได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินท้ายฟ้อง สัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน200,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นที่ยุติในเบื้องต้นว่าจำเลยทั้งสามลงลายมือชื่อในฐานะผู้กู้เงิน เอกสารหมาย จ.1
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามมีว่าจำเลยทั้งสามนำสืบนอกข้อต่อสู้ในคำให้การหรือไม่ เห็นว่าจำเลยทั้งสามให้การเป็นสาระสำคัญว่าสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอมเนื่องจากจำเลยทั้งสามมิได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงิน ประเด็นตามคำให้การจึงมีเพียงว่าจำเลยทั้งสามลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.1หรือไม่ อันจะนำไปสู่การพิจารณาว่าสัญญากู้เงินปลอมหรือไม่ส่วนสาเหตุอื่นที่อาจทำให้สัญญากู้เงินปลอมล้วนไม่ใช่ประเด็นตามคำให้การแต่อย่างใด ฉะนั้น การที่จำเลยทั้งสามนำสืบว่าจำเลยทั้งสามลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินที่ยังไม่ได้กรอกข้อความอันจะเป็นเหตุให้สัญญากู้เงินเป็นสัญญาปลอมและไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เงิน จึงเป็นการนำสืบนอกข้อต่อสู้ในคำให้การศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยไม่ได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(1)
พิพากษายืน

Share