คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4343/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 และฟ้องเรียกเงินทางแพ่งเป็นอีกคดีหนึ่งด้วย คดีนี้จำเลย ให้การปฏิเสธ แต่ในระหว่างพิจารณาคดีโจทก์และจำเลยได้เจรจา ตกลงกันโดยจำเลยขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธและให้การใหม่ยอมรับสารภาพตามฟ้อง และโจทก์ยอมให้เวลาแก่จำเลยเพื่อ ให้จำเลยหาเงินมาชำระหนี้โดยยอมลดจำนวนเงินลง โดยให้ จำเลยชำระหนี้ภายในกำหนด และโจทก์จะถอนฟ้องคดีแพ่งด้วย เมื่อกรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ยอมลดหนี้และให้โอกาสแก่จำเลย โดยโจทก์จำเลยยังมิได้มีเจตนาที่จะยุติข้อพิพาทในทางอาญา จนกว่าจำเลยได้ชำระเงินตามข้อตกลงแก่โจทก์แล้ว จึงถือไม่ได้ว่า โจทก์จำเลยได้ยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) สิทธินำคดีอาญา มาฟ้องจึงยังไม่ระงับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(1) จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยถอนคำให้การเดิมแล้วให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) หรือไม่ พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากเงินในบัญชีไม่พอจ่าย โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยคดีนี้และฟ้องเรียกเงินทางแพ่งด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ ในระหว่างพิจารณาคดีคู่ความได้เจรจาตกลงกันโดยจำเลยขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธและให้การใหม่ยอมรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ และโจทก์ยอมให้เวลาแก่จำเลยเพื่อให้จำเลยหาเงินมาชำระหนี้โดยยอมลดจำนวนเงินลงจาก 1,862,600 บาท เหลือเพียง 750,000 บาท โดยให้จำเลยชำระหนี้ภายในวันที่ 20 มีนาคม 2540 และโจทก์จะถอนฟ้องคดีแพ่งด้วยเห็นว่า เป็นเรื่องที่โจทก์ยอมลดหนี้และให้โอกาสแก่จำเลยเท่านั้นคดีนี้ผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง หากมีเจตนาไม่เอาความกันจำเลยก็สามารถถอนฟ้องได้ แต่คดีนี้กลับปรากฏว่าจำเลยถอนคำให้การเดิมซึ่งปฏิเสธเป็นให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องโจทก์ แสดงว่าคู่ความยังมิได้มีเจตนาที่จะยุติข้อพิพาทในทางอาญาจนกว่าจำเลยได้ชำระเงิน750,000 บาท แก่โจทก์ แล้วตามที่ตกลงกันถือไม่ได้ว่าได้ยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)
พิพากษายืน

Share