แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้เช่าแพปลาอันเป็นสถานที่ค้นพบฝิ่นของกลางโดยลักษณะแพปลาที่เกิดเหตุนั้นสภาพภายนอกก่อสร้างด้วยอิฐบล็อกและอีกส่วนหนึ่งเป็นกำแพง ซึ่งอยู่ในสภาพที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ มีประตูเข้าออกได้สองทาง ประตูหน้าเป็นประตูเหล็กปิดไว้อย่างแน่นหนาและใส่กุญแจไว้ ส่วนประตูอีกด้านหนึ่งปิดตายไว้ซึ่งจะเปิดจากด้านนอกไม่ได้ต้องเปิดจากด้านในเท่านั้น ในวันที่ตรวจค้นนั้นเจ้าพนักงานตำรวจได้งัดกุญแจก่อนแล้วจึงเข้าไปได้ แสดงให้เห็นว่าแพปลาที่เกิดเหตุนี้บุคคลอื่นไม่สามารถเข้าไปได้โดยลำพังเพราะสถานที่มิดชิดแน่นหนากับใส่กุญแจที่ประตูเหล็กด้านหน้าด้วย ดังนั้น จึงมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าฝิ่นดิบของกลางที่ค้นพบในแพปลา เป็นของจำเลยโดยจำเลยมีไว้ในครอบครองจำนวนมากเพื่อนำไปจำหน่ายจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นดิบ อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522จำนวน 56 ก้อน น้ำหนักสุทธิรวม 98,681 กรัม คำนวณเป็นปริมาณมอร์ฟีนบริสุทธิ์หนัก 7,621 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 17, 69, 102 ริบของกลาง และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1931/2537 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 4ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1931/2537 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคสอง,69 วรรคสี่ ฐานมีฝิ่นไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 20 ปีริบของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลย(ที่ถูกคือจำเลยที่ 4) ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1931/2537ของศาลชั้นต้นไม่ได้ความว่าศาลมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวแล้วจึงให้ยกคำขอส่วนนี้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2537 นายวิรัติ วนาวิริยะกับร้อยตำรวจเอกนพดล ศิริจรรยา และพวกทำการค้นที่แพปลาของบริษัทสหสินขนส่งเทรดดิ้ง จำกัด พบฝิ่นดิบจำนวน 56 ก้อนน้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 103 กิโลกรัม เป็นของกลาง เมื่อส่งไปตรวจพิสูจน์ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าของกลางเป็นฝิ่นดิบมีน้ำหนักสุทธิรวม 98,681 กรัม มีมอร์ฟีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 7,621 กรัม ตามเอกสารหมาย ป.จ.1 มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่านายวิรัติ เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดได้ประสานงานติดต่อกับร้อยตำรวจเอกเลา โป เช เจ้าพนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดของประเทศมาเลเซีย เพราะเนื่องจากจำเลยมีสัญชาติมาเลเซียโดยลักลอบหนีเข้าเมืองมาอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายร้อยตำรวจเอกเลา โป เช มีหนังสือแจ้งมาว่า นายหว่อง ฟู เหงียนคือบุคคลคนเดียวกับนายหว่อง ฟุก เหงียน มีชื่อเล่นว่าฟุกซุนหรือเหงียนกู้หรือเอ็งกู้ เกิดที่เมืองจังโหรน รัฐเคดาห์ประเทศมาเลเซีย มีประวัติถูกจับกุมและถูกจำคุก 2 ปี ในข้อหามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยส่งภาพถ่ายแนบมาด้วยตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งภาพถ่ายนั้นก็คือจำเลยนั่นเองทั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537 นายวิรัติกับร้อยตำรวจเอกนพดลและพวกได้ร่วมจับจำเลยในข้อหาร่วมกับพวกมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและจับกุมนายจำรัสกับนางสาวสุรีย์ อภิรดีสืบกุล กับนายอาฟูที่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา โดยนายอาฟูจะนำเฮโรอีนชนิดผงอัดแท่งจำนวน100 ก้อน น้ำหนักรวมวัสดุห่อหุ้ม 41 กิโลกรัม เพื่อส่งมอบให้แก่จำเลย โดยจำเลยให้การรับสารภาพตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1เมื่อตรวจค้นบ้านที่จำเลยอาศัยอยู่ ผลการตรวจค้นพบเอกสารแสดงการติดต่อค้ายาเสพติดกับนายกวยหนึ่งหรือโกหนึ่ง แซ่ซือหรือแซ่ลาง ชาวจีนฮ่อมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งจำเลยสั่งซื้อเฮโรอีนเพื่อจะนำมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่เฮโรอีนดังกล่าวมาถูกจับได้เสียก่อนดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยจึงน่าเชื่อว่าเป็นผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดชนิดต่าง ๆ ทั้งนางเพชรรัตน์ ศรีวัฒนางกูรผู้จัดการบริษัทสหสินขนส่ง เทรดดิ้ง จำกัด เจ้าของ ผู้ให้จำเลยเช่าแพปลาซึ่งจำเลยยังไม่ได้เปิดกิจการแต่จำเลยได้ตกแต่งบริเวณที่เช่าซึ่งค้นพบฝิ่นดิบของกลางคดีนี้ก็เบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้เช่าสถานที่ดังกล่าวที่พบฝิ่นดิบของกลางตามบันทึกเอกสารหมาย จ.9 และนายตัน ฮุน ยัง ซึ่งเคยเป็นนายจ้างของจำเลยพยานโจทก์ก็เบิกความสนับสนุนว่าแพปลาสถานที่พบฝิ่นดิบจำเลยเป็นผู้เช่าจากนางเพชรรัตน์ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้เช่าแพปลาอันเป็นสถานที่ค้นพบฝิ่นของกลางจริงทั้งลักษณะแพปลาที่เกิดเหตุซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่านั้นได้ความจากคำเบิกความของนายวิรัติและร้อยตำรวจเอกนพดลว่าสภาพภายนอกก่อสร้างด้วยอิฐบล็อกและอีกส่วนหนึ่งเป็นกำแพง ประตูหน้าเป็นประตูเหล็กปิดไว้อย่างแน่นหนาและใส่กุญแจไว้ลักษณะอยู่ในสภาพที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ ตามภาพถ่ายหมาย จ.5แพปลามีประตูเข้าออกได้สองทาง ด้านหน้ามีประตูเหล็กปิดอยู่ส่วนประตูอีกด้านหนึ่งปิดตายไว้ ซึ่งจะเปิดจากด้านนอกไม่ได้ต้องเปิดจากด้านในเท่านั้น ตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.11ในวันที่ตรวจค้นได้งัดกุญแจก่อนแล้วจึงเข้าไปได้ ขณะตรวจค้นได้ทำต่อหน้านางเพชรรัตน์และนายตัน ฮุน ยัง ด้วย ดังนี้แสดงให้เห็นว่าแพปลาที่เกิดเหตุซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่าอยู่นี้บุคคลอื่นไม่สามารถเข้าไปได้โดยลำพังเพราะสถานที่มิดชิดแน่นหนากับใส่กุญแจที่ประตูเหล็กด้านหน้าด้วย ดังนี้ พยานหลักฐานของโจทก์เชื่อมโยงประกอบด้วยเหตุผลมีน้ำหนักมั่นคง ฟังได้ว่าฝิ่นดิบของกลางเป็นของจำเลยโดยจำเลยมีไว้ในครอบครองจำนวนมากเพื่อนำไปจำหน่ายจริงจำเลยจึงกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ส่วนการที่จำเลยนำสืบอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้เช่าแพปลาสถานที่พบฝิ่นดิบของกลางนั้น เพียงแต่เบิกความลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้และการที่จำเลยฎีกาอ้างว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีกรณีที่น่าสงสัยนั้น เห็นว่า พยานโจทก์ประกอบด้วยเหตุผลเชื่อมโยงกันมาตลอด ทั้งก่อนทำการค้นแพปลาที่จำเลยเช่าจากนางเพชรรัตน์ เจ้าพนักงานก็ได้ทำต่อหน้านางเพชรรัตน์และนายตัน ฮุน ยัง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่มีส่วนได้เสียกับโจทก์และจำเลย กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำจำเลยแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน