แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเอาตู้เย็นของผู้เสียหายไปเพื่อให้ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้ที่ค้างต่อกัน จึงไม่เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นกรณีไม่ต้องด้วย ป.อ. มาตรา 334จำเลยจึงไม่มีความผิด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,336 ทวิ และริบรถยนต์ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ให้จำคุกจำเลย 2 ปี คำขอให้ริบรถยนต์ของกลางให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยกับนายธงชัย ผู้เสียหายและนางเครือวัลย์ ภริยาผู้เสียหายติดต่อค้าขายกันมานานประมาณ 10 ปี แล้ว โดยผู้เสียหายและภริยารับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าพื้นเมืองสำเร็จรูปส่งให้แก่จำเลย เมื่อวันที่ 5 เมษายน2531 เวลาประมาณ 8 นาฬิกา จำเลยขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียนป-0347 เชียงใหม่ เข้าไปในบริเวณบ้านผู้เสียหาย ถามหาผู้เสียหายและภริยาจากเด็กชายก้องเกียรติบุตรผู้เสียหาย เด็กชายก้องเกียรติตอบว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายไปไหน จำเลยจึงบอกเด็กชายก้องเกียรติว่า ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยอยู่ จำเลยจะเอาตู้เย็นไปก่อน อย่าคิดอะไรมาก เมื่อผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายกลับมาให้ไปพบจำเลยด้วย แล้วจำเลยก็ยกตู้เย็นบรรทุกรถยนต์กระบะของจำเลยออกไป ประมาณ 16 นาฬิกา ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายกลับมา เด็กชายก้องเกียรติเล่าเรื่องให้คนทั้งสองฟังผู้เสียหายจึงไปแจ้งความว่า จำเลยลักตู้เย็น คดีคงมีปัญหาว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องโจทก์หรือไม่ โจทก์นำสืบได้ความดังกล่าว จำเลยนำสืบว่า ภริยาผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยจำนวน 20,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเช็คเอกสารหมาย ล.2 จำเลยได้โทรศัพท์ทวงถาม เมื่อภริยาผู้เสียหายได้ยินเสียงจำเลย ก็รีบวางหูโทรศัพท์ กอปรกับทราบจากบุคคลอื่นว่าภริยาผู้เสียหายมีหนี้สินมากธนาคารจะยึดบ้าน ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายจะหลบหนีจึงติดตามไปที่บ้านผู้เสียหาย พบนายสุทัศน์ วรรณก้อน บอกว่ามาทวงหนี้จากผู้เสียหายเช่นกัน ได้ตรวจบ้านผู้เสียหายแล้วปรากฏว่าทรัพย์สินเช่น โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องเล่นวีดีโอเทป และของมีค่าอื่น ๆที่เคยมีหายไปหมด จึงบอกเด็กชายก้องเกียรติว่าจะยกตู้เย็นไปเมื่อผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายกลับมาขอให้ติดต่อกับจำเลยที่จำเลยเอาตู้เย็นไปไม่ได้คิดเอาไปหักหนี้ เพียงแต่ต้องการให้ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้ตามที่จำเลยนำสืบนี้โจทก์ไม่มีพยานมาหักล้าง ทั้งปรากฏหลักฐานแจ้งชัดว่าภริยาผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยตามสำเนาภาพถ่ายเช็คเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งผู้เสียหายได้เบิกความยอมรับว่า ภริยาผู้เสียหายเป็นผู้ออกเช็คดังกล่าวไว้ด้วย รูปคดีจึงฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยเอาตู้เย็นของผู้เสียหายไปเพื่อให้ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้ที่ค้างต่อกัน การกระทำของจำเลยจึงมิได้เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334จำเลยจึงไม่มีความผิด…”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.