คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6948/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้มูลหนี้ในคดีนี้จะเกิดจากตั๋วสัญญาใช้เงิน แต่ข้อความที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ได้ตกลงทำสัญญารับชำระหนี้คืนให้แก่โจทก์ในกรณีที่มีการผิดนัดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นข้อตกลงอันเป็นสัญญาอีกฉบับ เรียกว่าสัญญารับชำระหนี้แยกต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังนั้น แม้จะฟังว่าสิทธิเรียกร้องตามตั๋วสัญญาใช้เงินขาดอายุความแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 1001 ก็ตาม แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากสัญญารับชำระหนี้ ซึ่งไม่มีบทกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 จำเลยจึงยังคงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดพิษณุการเกษตรและพาณิชย์กู้เงินเพื่อการส่งสินค้าออกจากโจทก์ โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินและทำสัญญารับชำระหนี้ว่าจะชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยมีจำเลยค้ำประกันการชำระหนี้ในวงเงิน 2,000,000 บาท เมื่อครบกำหนดชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและสัญญารับชำระหนี้ ห้างหุ้นส่วนจำกัดพิษณุการเกษตรและพาณิชย์ชำระหนี้แก่โจทก์บางส่วน โจทก์ทวงถามให้จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันชำระหนี้ดังกล่าว แต่จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,723,287.60 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 2,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยมูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเกินกว่า 3 ปี นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับถึงกำหนดใช้เงิน คดีโจทก์จึงขาดอายุความ และดอกเบี้ยตามฟ้องเป็นดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปี โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,180,008.91 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2532 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาบางส่วนโดยให้เสียค่าขึ้นศาลเพียง 10,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถาบางส่วน โดยให้เสียค่าขึ้นศาลเพียง 10,000 บาท
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มูลหนี้แม้จะเกิดจากตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับ แต่ข้อความที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดพิษณุการเกษตรและพาณิชย์ ได้ตกลงทำสัญญารับชำระหนี้คืนให้แก่โจทก์ ในเมื่อมีการผิดนัดตามตั๋วสัญญาใช้เงินฟังได้ว่า เป็นข้อตกลงอันเป็นสัญญาอีกฉบับ และเรียกว่าสัญญารับชำระหนี้แยกต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลยจะปฏิเสธว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดพิษณุการเกษตรและพาณิชย์ ไม่มีความผูกพันตามสัญญารับชำระหนี้ไม่ได้ ดังนั้นแม้จะฟังว่าสิทธิเรียกร้องตามตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งมีอายุความ 3 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1001 จะขาดอายุความฟ้องร้องแล้วทั้งสองฉบับ แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัดพิษณุการเกษตรและพาณิชย์ ยังต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสิทธิเรียกร้องอันเกิดแก่สัญญารับชำระหนี้ ซึ่งเป็นสัญญาอีกฉบับหนึ่งที่คู่สัญญาตกลงกันแยกไว้ต่างหากจากตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับ สิทธิเรียกร้องตามสัญญารับชำระหนี้ไม่มีบทกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาดังกล่าวต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดพิษณุการเกษตรและพาณิชย์ จึงไม่ขาดอายุความ แม้จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจะมีสิทธิยกข้ออ้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 694 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ แต่เมื่อฟังได้ว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์
พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความ.

Share