คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5546/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในขณะถูกฟ้องและถูกบังคับคดี จำเลยจะไม่ทราบว่าจำเลยถูกฟ้องและถูกบังคับคดีเพราะขณะนั้นจำเลยเดินทางจากประเทศไทยไปทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่เกาะฮ่องกง และเพิ่งเดินทางกลับประเทศไทย ทั้งหลังจากนั้นจำเลยไปอยู่ที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่จังหวัดระยองโดยที่จำเลยไม่เคยได้รับสำเนาคำฟ้องหมายเรียกให้ยื่นคำให้การและหมายบังคับคดีเลยก็ตาม แต่หลังจากจำเลยเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จำเลยทราบว่า จำเลยถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้และจำเลยต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดี ตามที่จำเลยและทนายความของจำเลยได้ยื่นคำแถลงขอตรวจสำนวน และขอคัดสำเนาคำฟ้องคำพิพากษาและคำสั่ง ของศาล ดังนั้น แม้เหตุที่จำเลยต้องขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา สืบเนื่องมาจากพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยเดินทางกลับมายังประเทศไทยและจำเลยทราบว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้องในวันที่27 มีนาคม 2538 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยขอตรวจสำนวนที่ศาลชั้นต้นนั้น ย่อมถือได้ว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เสียภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลงคือนับแต่วันที่ 28 มีนาคม 2538 เป็นต้นไป การที่จำเลยเพิ่งยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 30ตุลาคม 2538 ถือว่าจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้แล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 48440 พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ ตามสัญญาจะซื้อจะขาย หากจำเลยเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ยอมส่งมอบขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนให้ และให้จำเลยรับเงินค่าที่ดินค้างชำระไปจากโจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2538โดยอ้างว่าจำเลยเดินทางไปทำงานเป็นแม่บ้านที่เกาะฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2535 และเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อต้นเดือนเมษายน 2538 และได้กลับไปอยู่อาศัยที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่จังหวัดระยอง สถานที่อยู่ของจำเลยตามฟ้องไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยและจำเลยไม่เคยอยู่อาศัยมาก่อน โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองตลอดมา การดำเนินคดีของโจทก์นับแต่การส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับไม่ชอบ จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา หากจำเลยมีโอกาสยื่นคำให้การและนำสืบพยานต่อสู้คดีแล้ว จำเลยจะเป็นฝ่ายชนะคดี ขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยได้ตรวจสำนวนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2538 ถือว่าจำเลยรู้ว่าถูกฟ้องคดีนี้แล้ว ทำให้พฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ในการขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยสิ้นสุดลงจำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย แล้วทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในขณะถูกฟ้องและถูกบังคับคดีจำเลยไม่ทราบว่าจำเลยถูกฟ้องและถูกบังคับคดีเพราะขณะนั้นจำเลยเดินทางจากประเทศไทยไปทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่เกาะฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2535 และเพิ่งเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อต้นเดือนเมษายน 2538 ทั้งหลังจากนั้นจำเลยไปอยู่ที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่จังหวัดระยองโดยที่จำเลยไม่เคยได้รับสำเนาคำฟ้องหมายเรียกให้ยื่นคำให้การและหมายบังคับคดีเลยก็ตาม แต่ความก็ปรากฏว่าหลังจากจำเลยเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จำเลยก็ทราบว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้และจำเลยต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดีเพราะปรากฏว่าเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2538 และวันที่ 29 มีนาคม 2538 จำเลยและทนายความของจำเลยได้ยื่นคำแถลงขอตรวจสำนวนและขอคัดสำเนาคำฟ้องคำพิพากษา และคำสั่งของศาลตามลำดับ ดังนั้น แม้ขณะถูกฟ้องและถูกบังคับคดีจำเลยจะมิได้อยู่ในประเทศไทยเป็นเหตุให้จำเลยไม่ได้รับสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้ยื่นคำให้การ จนเป็นเหตุให้จำเลยต้องขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา และตกเป็นฝ่ายแพ้คดี อันถือได้ว่าเหตุที่จำเลยต้องขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาสืบเนื่องมาจากพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคหนึ่งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยเดินทางกลับมายังประเทศไทย และจำเลยทราบว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้องในวันที่ 27 มีนาคม 2538 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยขอตรวจสำนวนที่ศาลชั้นต้นนั้น ย่อมถือได้ว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว ฉะนั้น โดยนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคหนึ่ง จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เสียภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลงคือนับแต่วันที่ 28 มีนาคม 2538 เป็นต้นไปหรือยื่นคำร้องขอได้ภายในวันที่ 11 เมษายน 2538 การที่จำเลยเพิ่งยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2538ถือว่าจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share