แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 กล่าวอ้างถึงหนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งจำเลยเคยข้อเสนอชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท และจำเลยยืนยันในหนังสือเอกสารหมาย จ.7 อีกครั้งว่าจะชำระค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดแม้จำนวนเงินที่จำเลยเสนอจะต่ำกว่าที่โจทก์เรียกร้อง เป็นจำนวนเงิน 174,203.40 บาท ก็ตาม แต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งค่าสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน 147,375.06 บาท กลับยืนยันว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์ หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมายจ.7 จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เดิม ความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย การเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้อง เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลแม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วยก็ตามแต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อได้ความว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งมิได้รับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้องเช่นกัน เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยและจำเลยตกลงรับประกันภัยการขนส่งเครื่องปั๊มน้ำสำหรับการส่งน้ำเข้าหม้อต้ม และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ของโจทก์ ซึ่งบรรทุกมากับเรือแฟร้งค์เฟิท เอ็กซ์เพรส จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อส่งให้แก่โจทก์ ณ โครงการก่อสร้างโรงจักรพลังไอน้ำ และกังหันก๊าซบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยจำเลยสัญญาหากเกิดการสูญหายหรือเสียหายแก่สิ่งของที่ขนส่งในระหว่างการขนส่งไปยังสถานที่เก็บชั่วคราวหรือสถานีไฟฟ้าย่อยของโจทก์แห่งใดแห่งหนึ่งในประเทศ ไม่ว่าการขนส่งจะทำโดยวิธีใด รวมถึงการรอขอถ่ายไปยังโกดังชั่วคราว จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง จำเลยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามราคาของที่เสียหายหรือสูญหายภายในวงเงินที่โจทก์เอาประกันภัยไว้จำนวน34,267,585 บาท ต่อมาเมื่อวัสดุอุปกรณ์ที่โจทก์เอาประกันภัยไว้กับจำเลยส่งมาถึงโจทก์ โจทก์ได้ตรวจรับพบว่าส่วนประกอบต่าง ๆของเครื่องปั๊มน้ำสำหรับส่งน้ำเข้าหม้อต้มชำรุดเสียหายระหว่างการขนส่งหลายรายการ ไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน 215,158.90 บาท ตามราคาวัสดุที่เสียหายรวมกับค่าใช้จ่ายในการออกของ ค่าขนส่งภายในประเทศและค่าเบี้ยประกันภัยซึ่งจำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์อีก3,441.16 บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 218,600.06 บาทโจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวแล้ว จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยืนยันว่าจะชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ได้ตรวจสอบรายละเอียดของความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง และมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 174,203.40 บาท ให้แก่โจทก์ตัวแทนของจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยินยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวให้แก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระ จำเลยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2528 ถึงวันฟ้องคิดเป็นเงินดอกเบี้ย 33,751.89 บาท รวมเป็นเงินค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 207,955.29 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินไหมทดแทน 207,955.27 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 174,203.40 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เครื่องปั๊มน้ำที่โจทก์ได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยมิได้ชำรุดเสียหายระหว่างการขนส่ง แต่เสียหายเนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาสูงเกินความเป็นจริง โดยค่าเสียหายอย่างสูงไม่เกิน 147,375.06 บาท ตามสัญญาประกันภัยมิได้กำหนดดอกเบี้ยในค่าสินไหมทดแทนไว้ ทั้งจำเลยมิได้ผิดนัด โจทก์จึงเรียกให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยมิได้ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ในฐานะผู้เอาประกันภัยฟ้องเรียกให้จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย ต้องฟ้องภายในกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันวินาศภัย เครื่องปั๊มน้ำที่โจทก์เอาประกันภัยไว้ได้รับความเสียหายเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2526โจทก์ต้องฟ้องคดีภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2528 แต่ในวันดังกล่าวจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงโจทก์ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2528 เมื่อโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อวันที่28 มีนาคม 2531 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์207,955.27 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 174,203.40 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์เอาประกันภัยการขนส่งเครื่องปั๊มน้ำสำหรับการส่งน้ำเข้าหม้อต้ม และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งบรรทุกมากับเรือแฟร้งค์เฟิท เอ็กซ์เพรส จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อส่งให้แก่โจทก์ ณ โครงการก่อสร้างโรงจักรพลังไอน้ำและกังหันก๊าซบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ไว้กับจำเลย ปรากฏตามสำเนากรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เอกสารหมาย จ.11 และโจทก์เอาประกันภัยการติดตั้งวัสดุและอุปกรณ์ไฟฟ้าดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วย ปรากฏตามสำเนากรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง เอกสารหมาย จ.12 ต่อมาปรากฏว่าส่วนประกอบของเครื่องปั๊มน้ำดังกล่าวเสียหายหลายรายการโดยโจทก์พบความเสียหายเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2526 โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เป็นเงิน 218,600.06 บาท ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.3 จำเลยมีหนังสือตอบโจทก์ว่าสาเหตุของความเสียหายเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล ความเสียหายคงจะเกิดจากการติดตั้งจำเลยเสนอที่จะชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน147,375.06 บาท ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.5 โจทก์มีหนังสือตอบจำเลยว่าได้ตรวจสอบความเสียหายอีกครั้งหนึ่งแล้วตกลงที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง และขอคำนวณค่าเสียหายใหม่เป็นเงิน 174,203.40 บาท ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.6 จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 25 มีนาคม 2530ตอบโจทก์ยืนยันว่าจะชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน147,375.06 บาท ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.7 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 เป็นหนังสือรับสภาพหนี้หรือไม่ จำเลยฎีกาว่าหนังสือของจำเลยที่มีถึงโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.7 ไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้ แต่เป็นเอกสารที่จำเลยโต้แย้งค่าเสียหายเห็นว่า หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 กล่าวอ้างถึงหนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งจำเลยเคยขอเสนอชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท และจำเลยยืนยันในหนังสือเอกสารหมาย จ.7 อีกครั้งว่าจะชำระค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดแม้จำนวนเงินที่จำเลยเสนอจะต่ำกว่าที่โจทก์เรียกร้องแต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งค่าสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน 147,375.06บาท กลับยืนยันว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์ หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เดิม แล้ว
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อสองมีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลซึ่งคุ้มครองความเสียหายอันเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง แต่ความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำมิได้เกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง แต่เกิดจากการติดตั้งซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง แม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วยก็ตาม แต่การรับสภาพหนี้ที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องบังคับได้จะต้องเป็นการรับสภาพหนี้ที่เกิดจากมูลหนี้เดิมคือมูลหนี้ซึ่งเกิดจากกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อหนังสือเอกสารหมาย จ.7 มิใช่หนังสือรับสภาพหนี้อันเกิดจากมูลหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดโจทก์แก้ฎีกาว่าความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดขึ้นจากการขนส่งซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง เอกสารหมาย จ.12 ไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้อง เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลแม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วยก็ตามแต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อได้ความว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง มิได้รับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้องเช่นกัน เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง