คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่อธิบดีของกรมโจทก์มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่ง ก็เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนเพื่อรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน เมื่อคณะกรรมการสอบสวนรายงานให้อธิบดีของกรมโจทก์วันใดว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ซึ่งจะต้องรับผิดในทางแพ่งก็ต้องถือเอาวันนั้นเป็นวันที่โจทก์ผู้ต้องเสียหายรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว แม้อธิบดีของกรมโจทก์จะยังไม่ได้พิจารณาเรื่องราวตามสำนวนการสอบสวนในวันดังกล่าว ดังนั้นการที่อธิบดีของกรมโจทก์ลงนามในรายงานการสอบสวนและมีคำสั่งในภายหลัง หามีผลทำให้การรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนของโจทก์เปลี่ยนแปลงไปไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคล จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของโจทก์ จำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลเรื่องราวการดำเนินคดี ตลอดจนการคิดคำนวณเงินทุนเงินค่าปรับ กรณีข้าราชการผิดสัญญารับทุนไปศึกษาวิชาที่ต่างประเทศ จำเลยเป็นผู้ดูแลและติดตามผลการดำเนินคดีฟ้องเรียกหนี้เงินทุนจากผู้ผิดสัญญา ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าฟ้องเคลือบคลุม จำเลยมีหน้าที่ต้องพิจารณาดำเนินการเสนอเรื่องราวรายละเอียดผลคดีต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวและเสนอให้โจทก์ทราบภายหลังคดีขาดอายุความฟ้องร้อง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ได้รับการชดใช้เงินทุนจากผู้ผิดสัญญา โจทก์ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง ผลการสอบสวน โจทก์ได้รู้ตัวผู้ทำละเมิด และผู้ที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายคือจำเลยขอให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่โจทก์ตั้งกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง คณะกรรมการชี้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย และคณะกรรมการเสนอให้อธิบดีโจทก์ทราบแล้ว โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเกิน 1 ปีนับจากทราบ คดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คณะกรรมการสอบสวนได้เสนอรายงานการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่งต่ออธิบดีของโจทก์ทราบวันใดว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ซึ่งต้องรับผิดในทางแพ่งก็ต้องถือว่าเป็นวันที่ผู้เสียหายรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแม้อธิบดีของโจทก์จะยังไม่ได้พิจารณาเรื่องราวตามสำนวนการสอบสวนในวันดังกล่าวการที่อธิบดีของโจทก์ลงนามในรายงานผลการสอบสวนในภายหลัง หามีผลทำให้การรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนของโจทก์เปลี่ยนแปลงไปไม่ โจทก์ฟ้องคดีเดิน 1 ปี นับแต่รู้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรกคดีของโจทก์จึงขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share