คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4527/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การครอบครองที่ดินของผู้อื่นอันจะเป็นเหตุให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นต้องเป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่นที่ได้ออกโฉนดที่ดินแล้วติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีเท่านั้น เมื่อนับแต่วันออกโฉนดครั้งแรกถึงวันยื่นคำร้องขอ ผู้ร้องครอบครองที่ดินมายังไม่ถึงสิบปีผู้ร้องจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2518นายหม้อ ดวนสันเทียะ บิดาผู้ร้องได้ซื้อที่ดินของนางแจ่ม เกตุดีโฉนดเลขที่ 40302 ตำบลถนนโพธิ์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมาเนื้อที่ 7 ไร่ 8 ตารางวา ในราคา 4,500 บาท ขณะซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นายหม้อครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินจนกระทั่งถึงปี 2520 นายหม้อยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องเข้าครอบครองทำประโยชน์โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 14 ปีแล้ว ขอศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอ ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำร้องขอด้วยการครอบครองหรือไม่เห็นว่าการครอบครองที่ดินของผู้อื่นอันจะเป็นเหตุให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382นั้นต้องเป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่นที่ได้ออกโฉนดที่ดินแล้วติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีเท่านั้น ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1535/2536 ระหว่าง นายแดง ถ่อนสันเทียะ โจทก์นางแก พึ่งสันเทียะ จำเลย ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินตามคำร้องขอนี้ ทางราชการเพิ่งจะออกโฉนดที่ดินให้แก่นางแจ่ม เกตุดีเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2534 นับแต่วันออกโฉนดถึงวันยื่นคำร้องขอ ผู้ร้องครอบครองที่ดินตามคำร้องมายังไม่ถึงสิบปี ผู้ร้องจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขอของผู้ร้องต้องกันมาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share