คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ โจทก์ฎีกา ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับ พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัตินี้มาปรับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมา เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา และมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ต้องรับโทษ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกสั้นไว้ในครอบครอง และมีกระสุนปืนคาร์บิน ๑ นัด ซึ่งเป็นกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๕๕, ๗๒, ๗๘ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๕, ๘ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๗ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ แต่เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๕๕, ๗๘ จำคุก ๑ ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๖ เดือน ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ฟ้องแยกเป็น ๒ กระทงความผิดต่างกรรมต่างวาระกันขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยอีกกระทงหนึ่งฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๘ ออกมาใช้บังคับ ตามมาตรา ๓,๕ บัญญัติให้โอกาสแก่ผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม นำไปขอรับอนุญาตหรือนำไปขอรับอนุญาตหรือนำไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้วให้บังคับ ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จึงต้องถือว่าในระหว่างนั้นกฎหมายยกเว้นโทษให้แก่ผู้มีอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แสดงว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะจำเลยกระทำผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำและพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัตินี้มาปรับกับคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ วรรคแรก แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมา เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา และมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ต้องรับโทษ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share