คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายทั้งสี่เข้าไปเที่ยวในบาร์ ซึ่งมีการแสดงให้ชมและได้สั่งเครื่องดื่มรวม 4 แก้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นพนักงานเก็บเงินของบาร์ ได้นำใบเสร็จรับเงินมาเรียกเก็บเงิน 1,000 บาท โดยคิดเป็นค่าเครื่องดื่ม 200 บาทค่าชมการแสดง 800 บาท ตามอัตราที่ถูกต้องของบาร์ผู้เสียหายทั้งสี่ขอชำระแต่ชำระแต่ค่าเครื่องดื่มส่วนค่าชมการแสดงไม่ชำระเพราะได้รับคำบอกเล่าจากผู้ที่ชักชวนเข้าไปเที่ยวว่าไม่ต้องชำระ จำเลยไม่ยอมและพูดว่าถ้าไม่ชำระจะไม่ยอมให้ออกจากบาร์และสั่งคนปิดประตูบาร์กับเรียกพนักงานชาย 5-6 คน มายื่นคุมเชิงรอบโต๊ะข้างหลังผู้เสียหายทั้งสี่แล้วจำเลยพูดว่าจะชำระหรือไม่ถ้าไม่ชำระมีเรื่องแน่ ผู้เสียหายทั้งสี่กลัวถูกทำร้ายจึงยอมชำระเงิน 1,000 บาท ให้จำเลยถือได้ว่าเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสี่ให้ยอมให้เจ้าของบาร์ ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้เสียหายทั้งสี่ จนผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งถูกข่มขืนใจยอมให้เงินค่าชมการแสดง ดังนี้แม้ว่าการกระทำของจำเลยจะสืบเนื่องมาจากการทวงค่าชมการแสดงที่ผู้เสียหายทั้งสี่ได้รับการบริการไปแล้วก็ตาม แต่จำเลยก็ไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้เสียหายทั้งสี่ชำระเงินโดยไม่ชอบด้วยการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อผู้เสียหายทั้งสี่เช่นนั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานกรรโชก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2532 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันข่มขืนใจนางสาวองุ่น จงดี นางสาววรรณรัตน์ จงดี นางสาวยุพิน สมรภูมิ และนางสาวกัญญา พันธ์เจริญ ผู้เสียหายทั้งสี่ยอมให้เงินจำนวน 800 บาท แก่จำเลยกับพวกโดยขู่เข็ญว่าจะไม่ยอม ให้ผู้เสียหายทั้งสี่ออกจากบาร์บิลเลี่ยนเกิร์ล และจะทำอันตรายต่อร่างกายผู้เสียหายทั้งสี่จนผู้เสียหายทั้งสี่ยอมให้เงินจำนวน800 บาท แก่จำเลยกับพวกไปขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337, 83 และให้จำเลยใช้เงินจำนวน 800 บาท แก่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 วรรคแรก, 83 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 800 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสองให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 2,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสแก่จำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีจึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี คำขออื่นให้ยกโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายทั้งสี่เข้าไปเที่ยวในบาร์ บิลเลี่ยนเกิร์ล ซึ่งมีการแสดงให้ชมและได้สั่งเครื่องดื่มรวม 4 แก้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นพนักงานเก็บเงินของบาร์ ได้นำใบเสร็จรับเงินมาเรียกเก็บเงิน 1,000 บาท โดยคิดเป็นค่าเครื่องดื่ม200 บาท ค่าชมการแสดง 800 บาท ตามอัตราที่ถูกต้องของบาร์ ผู้เสียหายทั้งสี่ขอชำระแต่ค่าเครื่องดื่ม ส่วนค่าชมการแสดงไม่ชำระ เพราะได้รับคำบอกเล่าจากผู้ที่ชักชวนเข้าไปเที่ยวว่าไม่ต้องชำระ จำเลยไม่ยอมและพูดว่าถ้าไม่ชำระจะไม่ยอมให้ออกจากบาร์ และสั่งคนปิดประตูบาร์ กับเรียกพนักงานชาย 5 – 6 คน มายืนคุมเชิงรอบโต๊ะข้างหลังผู้เสียหายทั้งสี่แล้วจำเลยพูดว่าจะชำระหรือไม่ ถ้าไม่ชำระมีเรื่องแน่ ผู้เสียหายทั้งสี่กลัวถูกทำร้าย จึงยอมชำระเงิน1,000 บาท ให้จำเลย คงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกรรโชกหรือไม่ เห็นว่าการที่จำเลยยืนยันจะให้ผู้เสียหายทั้งสี่ชำระค่าชมการแสดงโดยพูดว่าถ้าไม่ชำระจะไม่ยอมให้ออกจากบาร์ และสั่งคนปิดประตูบาร์ กับเรียกพนักงานชายประมาณ5-6 คน มายืนคุมเชิงรอบโต๊ะข้างหลังผู้เสียหายทั้งสี่ แล้วจำเลยพูดว่าจะชำระหรือไม่ ถ้าไม่ชำระมีเรื่องแน่ ถือได้ว่าเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสี่ให้ยอมให้เจ้าของบาร์ ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้เสียหายทั้งสี่ จนผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งถูกข่มขืนใจยอมให้เงินค่าชมการแสดง ดังนี้แม้ว่าการกระทำของจำเลยสืบเนื่องมาจากการทวงค่าชมการแสดงที่ผู้เสียหายทั้งสี่ได้รับการบริการไปแล้วก็ตามแต่จำเลยก็ไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้เสียหายทั้งสี่ชำระเงินโดยไม่ชอบด้วยการขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายต่อผู้เสียหายทั้งสี่เช่นนั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานกรรโชก คำพิพากษาของศาลศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share