คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532-533/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถือไม้ตะพดยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องเล่นการพะนัน และพูดอ้างอำนาจนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาขู่เข็นตำรวจที่มาทำการจับกุม มิให้ทำการจับกุมผู้เล่นการพะนัน ดังนี้ เป็นความผิดตาม ก.ม.อาญา มาตรา 119.
คู่ความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความก็ไม่ได้คัดค้านอย่างใด ดังนี้ศาลฎีกาต้องถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์เป็นยุตติแล้ว.

ย่อยาว

คดีมาสู่ศาลฎีกา ฉะเพาะแต่คดีส่วนตัวนายชุน จำเลยซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า เมื่อตำรวจไปจับผู้ลักเล่นการพะนันที่บ้านนายเชง นายชุนจำเลยได้ถือไม้ตะพดคุมเชิงอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องเล่นการพะนัน และพูดจาอ้างอำนาจนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาขู่เข็ญมิให้ตำรวจทำการจับกุล เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานและเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำผิดให้หลบหนีไปได้ มีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา๑๑๙ – ๑๕๔ พิพากษาลงโทษตาม ม.๑๕๔ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก ๓ เดือน
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงในเรื่องขัดขวางเจ้าพนักงานตามศาลชั้นต้น แต่ข้อช่วยให้ผู้กระทำผิดหนี ฟังว่ายังไม่พอจะชี้ว่าเป็นผลเนื่องจากการขัดขวางของนายชุนจำเลย ยังไม่เป็นผิดในฐานนี้ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษตาม ม.๑๑๙ กระทงเดียว ปรับ ๕๐ บาท
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาฉะเพาะข้อ ก.ม.โจทก์จำเลยไม่คัดค้านอย่างใดจึงต้องถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์แล้ว
ในข้อผิดตามมาตรา ๑๕๔ หรือไม่นั้น ศาลอุทธรณ์ฟังว่า การกระทำของจำเลยไม่เกี่ยวกันช่วยผู้เล่นให้หบลหนี ดังนั้นนายชุนจำเลยก็ไม่มีผิดตามมาตรา ๑๕๔.
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยน้อยไป ก็เป็นเรื่องดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปัญหาข้อ ก.ม.
ส่วนฎีกา จำเลยคัดค้านว่าไม่ผิดตามมาตรา ๑๑๙ นั้น ตามข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมา ก็เห็นว่าเป็นความผิดตามมาตรา ๑๑๙ จึงพิพากษายืน.

Share