คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2643/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์สินที่จำนำได้นั้นต้องเป็นสังหาริมทรัพย์ แต่สิทธิการเช่าอาคารไม่ใช่สังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 101 จึงไม่อาจจำนำกันได้.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์เลขที่ 97กับแผงเลขที่ 97/1 ของจำเลยที่ 1 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับผู้ร้องและจำนำสิทธิการเช่าอาคารเลขที่ 97 กับแผงเลขที่97/1 ไว้กับผู้ร้องและมอบสัญญาเช่าให้ผู้ร้องยึดถือ กับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวให้ผู้ร้องแล้ว จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ผู้ร้อง 577,382.62 บาท ต่อมาโจทก์ยึดสิทธิการเช่าอาคารและแผงดังกล่าวเพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิประเภทจำนำ ขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินส่วนของผู้ร้องจากการขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้ผู้ร้องจนครบถ้วนก่อน
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ส่งมอบการครอบครองอาคาร ย่อมไม่ใช่การจำนำตามกฎหมาย สิทธิการเช่าเป็นบุคคลสิทธิไม่ใช่ทรัพย์สินอันเป็นทรัพย์สิทธิที่มีตราสาร ย่อมนำไปจำนำไม่ได้ ทั้งสิทธิในสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่อาจถือเป็นสังหาริมทรัพย์ที่จำนำได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า สิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ เป็นเพียงบุคคลสิทธิ มิได้เป็นสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ย่อมไม่อาจจำนำกันได้ เอกสารท้ายฟ้องหมาย 7, 8และ 12 เป็นเพียงการนำสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ไปเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อผู้ร้อง โดยจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้ผู้ร้องโอนสิทธิการเช่าเป็นของผู้ร้องหรือบุคคลภายนอกได้ถ้าจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้ ข้อตกลงระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาอย่างหนึ่งเท่านั้น หามีลักษณะเป็นการจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 ไม่ ผู้ร้องไม่เป็นเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติในเบื้องต้นว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับผู้ร้องเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้จำเลยที่ 1 นำสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์เลขที่97 และแผงเลขที่ 97/1 มอบให้ผู้ร้องยึดถือไว้ และทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องโอนสิทธิการเช่านั้นเป็นของผู้ร้องเองหรือบุคคลภายนอกได้เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระหนี้จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ผู้ร้องและยังไม่ได้ชำระหนี้นั้น ปัญหามีว่าการที่จำเลยที่ 1 นำสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์และแผงดังกล่าวไปเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อผู้ร้องแล้วมอบอำนาจให้ผู้ร้องโอนสิทธิการเช่านั้นเป็นของผู้ร้องหรือบุคคลภายนอกได้เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระหนี้เป็นจำนำหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 ทรัพย์สินที่จำนำกันได้นั้นจะต้องเป็นสังหาริมทรัพย์ หากไม่ใช่สังหาริมทรัพย์ก็ไม่อาจจำนำกันได้สิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์และแผงซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กที่พิพาทกันนี้หาเป็นสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 101 ไม่ ดังนั้นกรณีนี้จึงไม่เป็นจำนำ
พิพากษายืน.

Share