คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า เนื่องจากสัญญาขายฝากเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องเสนอค่าสินไถ่เป็นเงินสด โจทก์มิได้ขอปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายหรือข้อตกลงตามสัญญาขายฝากคำให้การดังกล่าวมิได้มีข้อความใดกล่าวถึงเลยว่าฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์หรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัย โจทก์อ้างว่าต้นฉบับเช็คอยู่ที่ธนาคาร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกเอกสารจากธนาคารแต่ธนาคารได้มอบสำเนาเช็คให้แก่โจทก์นำมาส่งต่อศาลชั้นต้น โดยไม่มีผู้รับรองสำเนาถูกต้อง โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอส่งสำเนาเช็คต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้รวม สำเนาก่อนวันสืบพยานโจทก์ 1 เดือนและเมื่อโจทก์อ้างเอกสารดังกล่าวกับพยานโจทก์หลายปากเบิกความถึงเอกสารดังกล่าวจำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่มีต้นฉบับหรือว่าต้นฉบับนี้ปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าสำเนาอกสารนั้นถูกต้องตรงกับต้นฉบับแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ภายใน 1 เดือนโดยไม่บังคับให้โจทก์ชำระเงินค่าไถ่ และหากไม่อาจจัดการโอนที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ได้ก็ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์แทนเป็นเงิน 550,000 บาทโดยไม่ได้หักค่าสินไถ่จำนวน 365,000 บาท ออกก่อนไม่ชอบด้วยการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369 ปัญหาที่ว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 22725 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านไม้สองชั้นเลขที่ 133 รวมราคาที่ดินและบ้านเป็นเงิน550,000 บาทเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2526 โจทก์ได้ขายฝากที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวไว้แก่จำเลยมีกำหนด 3 ปี และกำหนดสินไถ่เป็นเงิน 365,000 บาทก่อนครบกำหนดวันไถ่การขายฝาก โจทก์ได้นัด ให้จำเลยไปทำการไถ่ถอนการขายฝาก ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร แต่จำเลยไม่ยอมไปตามนัดและไม่ยอมให้โจทก์ไถ่ถอนการขายฝากทรัพย์รายนี้ ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินและบ้านดังกล่าวให้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ หากจำเลยไม่ไปก็ขอให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและหากโอนคืนมาให้ไม่ได้ ก็ขอให้จำเลยใช้ราคาแทนเป็นเงิน 550,000 บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยนัดหมายให้จำเลยไปไถ่ถอนการขายฝากที่ดินและบ้านพิพาท เคยแต่มาขอเลื่อนกำหนดเวลาไถ่ถอนออกไปเพราะยังหาเงินค่าสินไถ่ไม่ได้เนื่องจากสัญญาขายฝากเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องเสนอค่าสินไถ่เป็นเงินสดโจทก์มิได้ขอปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายหรือข้อตกลงตามสัญญาขายฝากท้ายคำให้การโจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาขายฝากหมดสิทธิขอไถ่ถอนการขายฝากขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 22725 พร้อมบ้านเลขที่ 113ให้แก่โจทก์ภายใน 1 เดือน หากไม่ไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและหากไม่อาจจัดการโอนที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ได้ ก็ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์แทนเป็นเงิน 550,000 บาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลในนามโจทก์สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ได้รับยกเว้นทั้งหมด จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความรวม 2,500 บาท สำหรับค่าธรรมเนียมศาลที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นนั้นให้จำเลยนำมาชำระต่อศาลในนามของโจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่าปัญหาว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์หรือไม่ จำเลยได้ให้การไว้แล้วว่า เนื่องจากสัญญาขายฝากเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องเสนอค่าสินไถ่เป็นเงินสดโจทก์มิได้ขอปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายหรือข้อตกลงตามสัญญาขายฝากท้ายคำให้การ ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่ได้เสนอที่จะใช้ค่าสินไถ่ให้แก่จำเลยเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาต่างตอบแทนคำฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้โดยให้เหตุผลว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงคลาดเคลื่อนและคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเห็นว่า คำให้การดังกล่าวของจำเลยเป็นคำให้การที่มิได้มีข้อความใดกล่าวถึงเลยว่าฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหานี้ชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า สำเนาเช็คเอกสารหมาย จ.3 เป็นเพียง สำเนาและไม่มีผู้รับรองสำเนาถูกต้อง โจทก์มิได้อ้างส่งต้นฉบับต่อศาลทั้งที่ต้นฉบับยังมีอยู่ เป็นการมิชอบด้วยกฎหมายจึงไม่อาจรับฟังเอกสารฉบับนี้ได้ เห็นว่า โจทก์อ้างว่าต้นฉบับเช็คดังกล่าวอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าว ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกเอกสารจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาลาดพร้าว แต่ธนาคารดังกล่าวได้มอบสำเนาเช็คตามเอกสารหมาย จ.3 ให้แก่โจทก์นำมาส่งต่อศาลชั้นต้น โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอส่งสำเนาเช็คดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้รวมสำนวนก่อนวันสืบพยานโจทก์1 เดือน และเมื่อโจทก์อ้างเอกสารดังกล่าวกับพยานโจทก์หลายปากเบิกความถึงเอกสารดังกล่าว จำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่มีต้นฉบับหรือว่าต้นฉบับนี้ปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ ถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องตรงกับต้นฉบับแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ภายใน 1 เดือนโดยไม่บังคับให้โจทก์ชำระเงินค่าไถ่ และหากไม่อาจจัดการโอนที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ได้ก็ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์แทนเป็นเงิน 550,000 บาท โดยไม่ได้หักค่าสินไถ่จำนวน365,000 บาท ออกก่อน ไม่ชอบด้วยการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369 ปัญหาที่ว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 22725 พร้อมบ้านเลขที่ 133 แขวงลาดยาวเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระเงินค่าไถ่จำนวน 365,000 บาท ให้แก่จำเลยด้วยหากไม่ไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและหากไม่อาจจัดการโอนที่ดินและบ้านดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้ก็ให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวน 185,000 บาทให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลรวม 12,500 บาทแทนโจทก์ สำหรับค่าธรรมเนียมศาลที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นนั้น ให้จำเลยนำมาชำระต่อศาลในนามของโจทก์

Share