แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเท่านั้นมิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อน จึงเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าว เลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไป จากตึกพิพาท
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยและบริวารออกจากอาคารเลขที่ 454ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างและค่าเสียหายเดือนละ 300 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารออกจากอาคาร จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายในชั้นฎีกาว่าการเช่าตึกพิพาทในกรณีของโจทก์และจำเลยมิได้บอกกล่าวก่อนให้จำเลยนำค่าเช่าที่ค้างชำระไปชำระให้โจทก์สิทธิบอกกล่าวเลิกการเช่าของโจทก์จึงไม่เกิดขึ้น ดังที่จำเลยกล่าวอ้างหรือไม่เท่านั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีไว้ในข้อ 3 ว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ โจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใดจึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเพียงเท่านั้น มิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อนจึงเลิกสัญญาเช่าไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ในมาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายความของโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยทางไปรษณีย์ แต่จำเลยไม่ยินยอมรับหนังสือบอกกล่าวนั้นโจทก์และทนายความของโจทก์ยังไปพบจำเลยที่ตึกพิพาทเพื่อส่งหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญา ไม่พบจำเลยอีกจึงได้มอบหนังสือบอกกล่าวให้คนอื่นที่อยู่ในตึกพิพาทเพื่อนำให้จำเลยดังนี้ถือว่าโจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้วจำเลยและบริวารจึงต้องออกไปจากตึกพิพาท ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแก่โจทก์ 200 บาท