แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เช็คพิพาทได้มาจากการเล่นการพนันเป็นเช็คไม่สมบูรณ์ตามป.พ.พ.มาตรา855ผู้ทรงเช็คคนก่อนไม่อาจจะฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คด้วยตนเองได้จึงคบคิดกับโจทก์โดยโอนเช็คพิพาทและหาทนายความให้โจทก์ฟ้องคดีการกระทำดังกล่าวเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยจำเลยย่อมยกขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คโดยอาศัยความเกี่ยวพันในการออกเช็คชำระเงินเสียพนันตามป.พ.พ.มาตรา916ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คสองฉบับรวมทั้งดอกเบี้ย126,750 บาท และเงินดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในต้นเงิน120,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต เพราะได้สมคบกับหม่อมหลวงพร้อมศรี พิบูลสงคราม โอนเช็คมาโดยฉ้อฉล เช็คที่โจทก์นำมาฟ้องนี้จำเลยเล่นพนันแข่งม้าโดยหม่อมหลวงพร้อมศรีเป็นเจ้ามือรับแทงและจ่ายโดยมิได้รับอนุญาตจากทางราชการ คือเป็นโต๊ดเถื่อน จำเลยแพ้พนัน 200,000 บาท จึงจ่ายเช็คให้ หม่อมหลวงพร้อมศรีสมคบกับโจทก์ให้นำเช็คมาฟ้องคดี โจทก์มิใช่ผู้ทรางเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ได้รับโอนเช็คมาจากหม่อมหลวงพร้อมศรี พิบูลสงคราม โดยคบคิดกันฉ้อฉล เช็คดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้องให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่สั่งเรื่องค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่หม่อมหลวงพร้อมศรีพิบูลสงคราม คงมีปัญหาว่าจำเลยได้ออกเช็คพิพาทเพราะภริยาจำเลยเสียพนันแทงม้ากับหม่อมหลวงพร้อมศรีซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นโต๊ดเถื่อนหรือไม่ จำเลยมีตัวจำเลย นางอุไร สัตตบุศย์ ภริยาจำเลย นางวารุณีมานะชัยศิริกุล และนายพิชัย ศิริสมบูรณ์ ผู้ช่วยนายสนามม้านางเลิ้งมาเบิกความว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2524 ภริยาจำเลยได้เล่นพนันแทงม้าเสียแก่หม่อมหลวงพร้อมศรีเจ้ามือโต๊ดเถื่อนที่สนามม้านางเลิ้ง จำนวนเงิน 200,000 บาท จำเลยได้ออกเช็คชำระหนี้การพนันให้หม่อมหลวงพร้อมศรี 3 ฉบับ ฉบับละ 100,000 บาท 1 ฉบับ ฉบับละ50,000 บาท จำเลยและภริยาว่าต่อมาหม่อมหลวงพร้อมศรีนำเช็คฉบับละ 50,000 บาท 1 ฉบับ มาขอเปลี่ยนบอกว่าเข้าบัญชีไม่ได้เงินจำเลยจึงออกเช็ค 2 ฉบับ ฉบับละ 30,000 บาท และฉบับละ 20,000 บาทซึ่งเป็นเช็คพิพาทคดีนี้ให้หม่อมหลวงพร้อมศรีไปและเอาเช็ค 50,000บาทคืน พิเคราะห์คำเบิกความของพยานจำเลยที่ว่าหม่อมหลวงพร้อมศรีเป็นเจ้ามือโต๊ดเถื่อนและจำเลยออกเช็คพิพาทเพราะภริยาจำเลยเสียการพนันแทงม้ากับหม่อมหลวงพร้อมศรี น่าเชื่อว่าเป็นความจริงเพราะภริยาจำเลยว่ารู้จักหม่อมหลวงพร้อมศรีโดยการแนะนำของนางวารุณีมา 3 ปีเศษ หลังจากรู้จักแล้วก็แทงม้าโต๊ดเถื่อนจากหม่อมหลวงพร้อมศรีตลอดมาฝ่ายนางวารุณีว่ารู้จักหม่อมหลวงพร้อมศรีมา 4 ปีเศษ เคยแทงม้าโต๊ดเถื่อนกับหม่อมหลวงพร้อมศรี นอกจากนี้จำเลยยังมีนายพิชัยผู้ช่วยนายสนามม้านางเลิ้งมาเบิกความยืนยันว่ารู้จักหม่อมหลวงพร้อมศรีเป็นเจ้ามือโต๊ดเถื่อนรับแทงม้าอยู่ที่ห้องอาหารชั้นล่างของสปอร์ตคลับ จำเลยและภริยาส่วนมากจะแทงม้าโต๊ดเถื่อนกับหม่อมหลวงพร้อมศรีโดยพยานเป็นคนให้ข่าวม้าแก่จำเลยและภริยาฝ่ายหม่อมหลวงพร้อมศรีซึ่งมาเบิกความเป็นพยานโจทก์ก็มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป้นเจ้ามือโต๊ดเถื่อน หม่อมหลวงพร้อมศรีอ้างเพียงว่าไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับสนามม้าเท่านั้น การไม่ปฏิเสธของหม่อมหลวงพร้อมศรีดังกล่าวจึงทำให้คำเบิกความของพยานจำเลยดังกล่าวมาแล้วมีน้ำหนักรับฟังได้มั่นคง กรณีเชื่อว่าเช็คพิพาทจำเลยได้ออกให้หม่อมหลวงพร้อมศรีเพราะภริยาจำเลยเสียพนันจริง
มีปัญหาต่อไปว่าโจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทและหม่อมหลวงพร้อมศรีคบคิดกันฉ้อฉอโอนเช็คพิพาทเพื่อให้โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยหรือไม่ เกี่ยวกับเช็คพิพาทนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ศาลอาญาในข้อหาความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คปรากฎในคดีอาญาหมายเลขแดงที่4481/2524 ในคดีดังกล่าวนี้โจทก์เบิกความว่าหม่อมหลวงพร้อมศรีนำาเช็คพิพาทไปแลกเงินโจทก์ที่สำนักงานทนายความของโจทก์คดีนี้เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2524 หม่อมหลวงพร้อมศรีบอกโจทก์ว่าจำเลยเป็นคนลงวันที่ในเช็ค แต่หม่อมหลวงพร้อมศรีพยานโจทก์ในคดีนั้นกลับเบิกความว่าได้นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์เมื่อวันที่16 มีนาคม 2524 โดยไม่ได้บอกโจทก์ว่าใครเป็นคนลงวันที่ในเช็คพิพาท โจทก์เบิกความว่าก่อนแลกเช็คพิพาทหม่อมหลวงพร้อมศรีเคยแลกเช็คกับโจทก์ 2 ครั้ง โดยหม่อมหลวงพร้อมศรีโทรศัพท์ไปหาโจทก์ที่ร้านนารายณ์ภัณฑ์ แต่หม่อมหลวงพร้อมศรีกลับว่านอกจากเช็คพิพาทแล้วไม่เคยนำเช็คไปแลกเงินสดจากโจทก์ เห็นว่าคำเบิกความของโจทก์และหม่อมหลวงพร้อมศรีแตกต่างกันไม่น่าเชื่อว่าก่อนมีการแลกเช็คพิพาทต่างได้เคยนำเช็คมาแลกเงินสดต่อกันเลยและตามคำเบิกความของโจทก์นั้นฟังได้ว่าโจทก์มีฐานะการเงินไม่ดี เพราะจะนำเงินมาให้หม่อมหลวงพร้อมศรีแลกเช็คได้ก็ต้องพยายามไปรวบรวมเงินจากญาติพี่น้องและการยอมเอาเงินสดมาแลกเช็คก็มิได้มีการคิดดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ตอบแทน อีกทั้งเช็คที่โจทก์รับไป โจทก์มิได้รู้จักตัวเจ้าของเช็คว่ามีฐานะเป็นอย่างไร แต่ก็ยอมให้แลกโดยหม่อมหลวงพร้อมศรีไม่ต้องลงลายมือชื่อสลักหลังรับรองเช็คข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแล้วเมื่อนำมาประกอบคำเบิกความของหม่อมหลวงพร้อมศรีที่ว่าเป็นผู้ติดต่อนายปัญญาวรณ์ทนายโจทก์คดีนี้ให้เป็นคนฟ้องคดีให้แก่โจทก์ด้วยนั้น พฤติการณ์ของโจทก์กับหม่อมหลวงพร้อมศรีจึงฟังได้ว่าต่างคนต่างรู้ว่าเช็คพิพาทได้มาจากการเล่นการพนันเป็นเช็คไม่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 855 ซึ่งหม่อมหลวงพร้อมศรีไม่อาจจะฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คด้วยตนเองได้ จึงคบคิดกับโจทก์โดยโอนเช็คพิพาทและหาทนายความให้โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาทจากจำเลยในคดีนี้ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย จำเลยย่อมยกข้อต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คโดยอาศัยความเกี่ยวพันในการออกเช็คชำระเงินเสียพนันระหว่างตนกับหม่อมหลวงพร้อมศรี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนจำเลย 1,000 บาท.