คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3491/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานยักยอก ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวเมื่อผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์และแถลงว่าไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป ถือว่าเป็นการถอนคำร้องทุกข์และยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องเกี่ยวกับความผิดดังกล่าวย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) และย่อมทำให้คำขอในคดีส่วนแพ่งของโจทก์ตกไปด้วย ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 352, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 6 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์24,500 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย และขอนับโทษคดีนี้ต่อจากคดีแดงที่ 1298/2532 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น นายสุวิชัย บุญทองผู้เสียหาย แถลงว่าไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป และขอถอนคำร้องทุกข์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จึงระงับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 (ที่ถูกเป็นมาตรา 264 วรรคแรก), 268 ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 เดือน ให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ 24,500 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1298/2532 ของศาลชั้นต้น
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกด้วยนั้น เห็นว่า นายสุวิชัยผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป ทั้งได้แถลงต่อศาลด้วยว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไปและขอถอนคำร้องทุกข์ ถือว่าเป็นการถอนคำร้องทุกข์ และยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายในความผิดฐานยักยอก ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวสิทธินำคดีอาญามาฟ้องเกี่ยวกับความผิดดังกล่าวย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์จำนวน24,500 บาท แก่ผู้เสียหายนั้น เห็นว่า คำพิพากษาส่วนนี้เป็นคำพิพากษาในคดีส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีส่วนอาญาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 เมื่อปรากฏว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานยักยอกระงับไปแล้ว ก็ย่อมทำให้คำขอในคดีส่วนแพ่งดังกล่าวของโจทก์เป็นอันตกไปทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43มิได้ให้อำนาจพนักงานอัยการที่ยื่นฟ้องคดีอาญาในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ ดังนั้น คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองในส่วนนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 24,500 บาท แก่ผู้เสียหายนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share