คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3579/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติและความรับผิดตามสัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรืออบรม ณ ต่างประเทศ ที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์ในการที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนส่วนตัว (ทุนประเภท 2) มีกำหนด2 ปี นับแต่วันออกเดินทาง โดยเมื่อจำเลยที่ 1 เสร็จการศึกษาตามที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ลาไปศึกษาต่อ หรือจำเลยที่ 1ถูกเรียกตัวกลับ และจำเลยที่ 1 ไม่กลับมารับราชการกับโจทก์เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและจำเลยที่ 1 ไม่ชดใช้เงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยที่ 2 ยินยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น ส่วนที่หลังจากครบกำหนด2 ปี แล้ว จำเลยที่ 1 ได้ขอลาศึกษาต่อด้วยทุนส่วนตัวอีก 5 ปี9 เดือน 4 วัน และโจทก์อนุมัติให้จำเลยที่ 1 ลาศึกษาต่อโดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันการลาไปศึกษาต่อเพิ่มเติมของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์แต่อย่างใดจำเลยที่ 2 จึงคงมีความรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเพียงสำหรับการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี เท่านั้น สัญญาค้ำประกันระบุว่า หากโจทก์จะผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ตกลงยินยอมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันต่อไป มีความหมายเพียงว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์ ทำให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้เงินคืนให้โจทก์พร้อมเบี้ยปรับภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันได้รับแจ้งจากโจทก์ตามสัญญาข้อ 4 และ ข้อ 5 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้แก่โจทก์ตามสัญญาค้ำประกัน แม้โจทก์ผ่อนเวลาในการชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ยินยอมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันต่อไปข้อความดังกล่าวหาได้มีความหมายว่า จำเลยที่ 2 ยินยอมรับผิดในหนี้ของจำเลยที่ 1 ทุกประการโดยไม่จำกัดเวลาและจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในอนาคตไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ ให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศด้วยทุนส่วนตัวในระดับปริญญาโทณ ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยได้รับเงินเดือนเต็มจากโจทก์มีกำหนด2 ปี จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาให้ไว้กับโจทก์มีข้อความว่า เมื่อเสร็จการศึกษาไม่ว่าจะศึกษาสำเร็จหรือไม่ จะกลับมารับราชการต่อไปในมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุน หรือที่ได้รับเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มสุดแต่เวลาใดจะมากกว่ากัน หากผิดสัญญาไม่กลับมารับราชการด้วยเหตุใด ๆก็ดี จะคืนทุนหรือเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่ม และหรือเงินอื่นใดทั้งสิ้นที่ได้รับจากทางราชการในระหว่างที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาให้แก่โจทก์ตามสัญญานี้จะชำระให้ทั้งหมดภายในกำหนด 30 วันถัดจากวันที่ได้รับแจ้งจากโจทก์และในวันที่ทำสัญญานั้นเอง จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไว้กับโจทก์ว่า ถ้าจำเลยที่ 1ผิดสัญญากับโจทก์ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ จำเลยที่ 2 ยินยอมชำระหนี้ให้โจทก์ตามความรับผิดของจำเลยที่ 1 ทุกประการ หลังจากจำเลยทั้งสองทำสัญญากับโจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 ได้เดินทางไปศึกษาชั้นปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ครบเวลา 2 ปี จำเลยที่ 1ขออยู่ศึกษาต่อในระดับชั้นปริญญาเอก ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐอนุมัติให้ขยายเวลาการศึกษาต่อในระดับชั้นปริญญาเอกอีก 5 ครั้งเมื่อครบกำหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อ จำเลยที่ 1 ได้ขอลาออกจากราชการเป็นการกระทำผิดสัญญาที่ได้ทำไว้กับโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 472,861.22 บาทให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้รับเงินเดือนและเงินเพิ่มจากโจทก์ตามฟ้อง โจทก์มิได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 เพียงเพื่อการศึกษาของจำเลยที่ 1 ในระดับปริญญาโทภายในกำหนด2 ปี นับแต่วันออกเดินทางเท่านั้น จำเลยที่ 2 มิได้รู้เห็นหรือตกลงด้วยกับข้อตกลงของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในการไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกรวม 5 ครั้ง โจทก์หรือจำเลยที่ 1 มิได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน322,228.38 บาท โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดด้วยในวงเงิน51,508 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินที่จำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 110,373.54 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ สำหรับการลาไปศึกษาต่อของจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี 6 เดือนเต็ม ตามฟ้องหรือไม่ ในปัญหานี้ศาลฎีกาได้พิเคราะห์สัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรือฝึกอบรม ณ ต่างประเทศและสัญญาค้ำประกัน ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำไว้กับโจทก์ตามลำดับประกอบแล้ว ปรากฏว่า สัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรือฝึกอบรมณ ต่างประเทศ ซึ่งลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2516 มีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่า จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาและฝึกอบรมณ ต่างประเทศด้วยทุนประเภท 2 ตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษาฝึกอบรมและดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และให้สัญญาไว้แก่โจทก์ตามข้อ 3 และข้อ 4 ว่า เมื่อจำเลยที่ 1 จบการศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ ไม่ว่าการศึกษาหรือฝึกอบรมจะสำเร็จหรือไม่ หรือจำเลยที่ 1 ถูกเรียกตัวกลับ จำเลยที่ 1 จะรับราชการต่อไปกับโจทก์หรือในกระทรวงทบวงกรมอื่นตามที่ทางราชการเห็นสมควรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุนหรือที่ได้รับเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่ม ทั้งนี้สุดแต่เวลาใดจะมากกว่ากันในกรณีที่จำเลยที่ 1ผิดสัญญาหรือไม่กลับมารับราชการด้วยเหตุใด ๆ จำเลยที่ 1 จะขอใช้คืนให้แก่โจทก์ซึ่งทุนและหรือเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและหรือเงินอื่นใดทั้งสิ้นที่จำเลยที่ 1 ได้รับจากทางราชการในระหว่างที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาหรือฝึกอบรม นอกจากนี้จำเลยที่ 1 จะจ่ายเงินเป็นเบี้ยปรับให้แก่โจทก์อีกจำนวนหนึ่ง เท่ากับเงินที่จำเลยที่ 1จะต้องชดใช้คืน และระบุในข้อ 8 ว่า ในการทำสัญญานี้จำเลยที่ 1ได้จัดให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติและความรับผิดตามสัญญานี้ด้วยแล้ว และสัญญาค้ำประกัน ซึ่งลงวันที่เดียวกัน ข้อ 1มีข้อความระบุว่าตามที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาหรือฝึกอบรม ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ทำสัญญาไว้กับโจทก์เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2516 นั้น จำเลยที่ 2 ทราบและเข้าใจข้อความในสัญญาดังกล่าวดีแล้ว ขอทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ว่าถ้าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาด้วยประการใด ๆ จำเลยที่ 2 ยินยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาทั้งสิ้นทุกประการ เห็นว่า แม้สัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรือฝึกอบรมณ ต่างประเทศ และสัญญาค้ำประกันมิได้ระบุระยะเวลาที่จำเลยที่ 1ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ณ ต่างประเทศไว้ก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่าก่อนจำเลยทั้งสองทำสัญญากับโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ขอลาไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีกำหนดเวลา 2 ปีและโจทก์ได้ส่งเรื่องให้ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐพิจารณาซึ่งทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐพิจารณาแล้วอนุมัติให้จำเลยที่ 1 ลาไปศึกษาต่อชั้นปริญญาโท ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยทุนส่วนตัว (ทุนประเภท 2)มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันออกเดินทางเป็นต้นไป โดยได้รับเงินเดือนเต็มระหว่างลาตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษาฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 ข้อความตามสัญญาค้ำประกันประกอบกับสัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรือฝึกอบรม ณต่างประเทศ จึงมีความหมายชัดเจนว่า จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติและความรับผิดตามสัญญาเอกสารหมาย จ.4ที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์ในการที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนส่วนตัว (ทุนประเภท 2)มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันออกเดินทางเป็นต้นไป โดยเมื่อจำเลยที่ 1เสร็จการศึกษาตามที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ลาไปศึกษาต่อด้วยทุนส่วนตัวมีกำหนด 2 ปี หรือจำเลยที่ 1 ถูกเรียกตัวกลับ และจำเลยที่ 1 ไม่กลับมารับราชการกับโจทก์หรือในกระทรวงทบวงกรมอื่นตามที่ทางราชการเห็นสมควรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่ม และจำเลยที่ 1 ไม่ชดใช้เงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ตามสัญญาจำเลยที่ 2 ยินยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นเท่านั้น ส่วนที่หลังจากครบกำหนด 2 ปีที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ลาไปศึกษาต่อแล้ว จำเลยที่ 1ได้ขอลาศึกษาต่อด้วยทุนส่วนตัวรวม 5 ครั้ง เป็นเวลาอีก 5 ปี9 เดือน 4 วัน และโจทก์อนุมัติให้จำเลยที่ 1 ลาศึกษาต่อโดยได้รับเงินเดือนเต็มระหว่างลาเป็นเวลาอีก 3 ปี 6 เดือน โดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบนั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันการลาไปศึกษาต่อเพิ่มเติมของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์แต่อย่างใด จำเลยที่ 2 จึงคงมีความรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกัน เพียงสำหรับการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 สำหรับการลาไปศึกษาต่อ ณประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 ปี เท่านั้น มิใช่ต้องรับผิดค้ำประกันการลาไปศึกษาต่อด้วยทุนส่วนตัวของจำเลยที่ 1 เป็นเวลา5 ปี 6 เดือน ตามที่โจทก์ฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า สัญญาค้ำประกันระบุว่าหากโจทก์จะผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ตกลงยินยอมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันต่อไป แสดงเจตนาของจำเลยที่ 2 จะรับผิดในหนี้ของจำเลยที่ 1 ทุกประการโดยไม่จำกัดเวลาและจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1ก่อขึ้นในอนาคตนั้น เห็นว่า ข้อความดังกล่าวมีความหมายเพียงว่าเมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์ในการที่จำเลยที่ 1 ได้รับอนุมัติให้ลาไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยทุนส่วนตัวมีกำหนด 2 ปี ทำให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้เงินคืนให้โจทก์พร้อมเบี้ยปรับภายในกำหนด 30 วัน ถัดจากวันได้รับแจ้งจากโจทก์ตามสัญญาข้อ 4 และข้อ 5 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้แก่โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันแล้ว แม้โจทก์ผ่อนเวลาในการชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ยินยอมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันต่อไปเท่านั้น ข้อความดังกล่าวหาได้มีความหมายว่า จำเลยที่ 2 ยินยอมรับผิดในหนี้ของจำเลยที่ 1ทุกประการโดยไม่จำกัดเวลาและจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในอนาคตตามที่โจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน

Share