คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทราบดีอยู่แล้วในขณะทำสัญญาว่าที่ดินพิพาทเป็นของบุตรผู้เยาว์ของจำเลย ซึ่งจะต้องขออนุญาตศาลก่อนจึงจะขายได้ จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตขายที่ดินแทนผู้เยาว์ภายหลังทำสัญญาจะซื้อขายกับโจทก์เพียงเดือนเศษไม่ปรากฏว่าพยานหลักญานที่จำเลยนำเข้าไต่สวนในคดีดังกล่าวนั้น จำเลยจงใจจะไม่ให้ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตเพื่อหลีกเลี่ยงการโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ การที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขายที่ดินของบุตรผู้เยาว์ จะถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยต้องรับผิดชอบหาได้ไม่ จำเลยไม่ผิดสัญญาจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าปรับให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๒๔ ให้แก่โจทก์ในราคา ๗๗๐,๐๐๐ บาท โจทก์วางมัดจำไว้แล้วเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ๕๗๐,๐๐๐ บาท ตกลงชำระในวันที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นวันกำหนดรับโอนที่ดินหากไม่ชำระตามกำหนด โจทก์ยอมให้จำเลยริบเงินมัดจำ ถ้าจำเลยไม่ยอมขาย ยอมให้โจทก์ปรับเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อครบกำหนดวันที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๓๐ จำเลยไม่สามารถโอนขายที่ดินได้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวน ๔๐๐,๐๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ทราบดีว่าที่ดินโฉนดที่ ๔๒๔ ที่จะขายนั้น เป็นของเด็กหญิงเกษรและเด็กหญิงลียาบุตรผู้เยาว์ของจำเลย ซึ่งจำเลยไม่มีสิทธินำที่ดินดังกล่าวไปขายให้โจทก์โดยพลการ และต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขายที่ดินแปลงนี้จึงเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ความผิดของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับ ส่วนเงินมัดจำจำเลยได้ให้ทนายจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับคืนแล้ว โจทก์ไม่ไปรับคืนเองจำเลยมิได้ผิดนัด โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกดอกเบี้ย
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยได้นำเงินมัดจำ ๒๐๐,๐๐๐ บาทมาวางไว้ต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้โจทก์รับไป และโจทก์ได้รับเงินมัดจำดังกล่าวคืนไปแล้วโจทก์คงติดใจดำเนินคดีเกี่ยวกับเบี้ยปรับและดอกเบี้ยต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ครบกำหนดชำระตามหนังสือทวงถามจนถึงวันที่วางเงิน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทราบดีอยู่แล้วในขณะทำสัญญาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของบุตรผู้เยาว์ของจำเลย ซึ่งจะต้องขออนุญาตศาลก่อนจึงจะขายได้ และข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอนุญาตขายที่ดินแทนผู้เยาว์ภายหลังทำสัญญาจะซื้อขายกับโจทก์เพียงเดือนเศษ ไม่ปรากฏว่าพยานหลักฐานที่จำเลยนำเข้าไต่สวนในคดีดังกล่าวนั้น จำเลยจงใจจะไม่ให้ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต เพื่อหลีกเลี่ยงการโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ การที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขายที่ดินของบุตรผู้เยาว์จะถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยต้องรับผิดชอบหาได้ไม่ จำเลยไม่ผิดสัญญาจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าปรับให้แก่โจทก์ตามสัญญา
พิพากษายืน.

Share