คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3432/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดี ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 6 จะต้องปรากฏว่า โจทก์มีสภาพบุคคลเป็นผู้วิกลจริต และไม่มีผู้อนุบาลแต่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้วิกลจริตและไม่มีผู้อนุบาลได้ถึงแก่ความตายระหว่างไต่สวนคำร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีสภาพบุคคลของโจทก์จึงสิ้นสุดลงไปแล้วก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้แทนเฉพาะคดี ผู้ร้องจึงขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ไม่ได้ อนึ่ง แม้ขณะที่โจทก์ถึงแก่ความตายผู้ร้องในฐานะผู้ร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ได้ยื่นคำฟ้องไว้ก่อนแล้วในนามของโจทก์ แต่ในขณะที่โจทก์ถึงแก่ความตาย ศาลยังไม่ได้ตั้งผู้ร้องเป็นแทนเฉพาะคดีของโจทก์จะถือว่าเป็นกรณีที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วตายลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากพันจ่าเอกหญิงเบ็ญจภรณ์ เที่ยงดี ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางบุญมี ศุขมาลัย โจทก์ เป็นผู้เสียหายคดีนี้เป็นป้าของผู้ร้อง และเป็นบุคคลวิกลจริต ไม่มีผู้อนุบาล ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ และผู้ร้องในฐานะขอเป็นผู้ร้องแทนเฉพาะคดีของโจทก์ ได้ยื่นคำฟ้องในนามของโจทก์เป็นคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 313(7)(8), 336 ทวิ, 83, 91ที่แก้ไปแล้ว ลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310, 83, 314, 335(7)(8), 336 ทวิ, 86, 91 ที่แก้ไปแล้วให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันและแทนกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินเป็นเงิน5,336,000 บาท และคืนโฉนดที่ดิน ให้แก่โจทก์ ต่อมาผู้ร้องในฐานะผู้ร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคดีเฉพาะส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยทั้งห้ายื่นคำคัดค้านคำร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของผู้ร้องระหว่างไต่สวนคำร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของผู้ร้องโจทก์ถึงแก่ความตายศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องในประการแรกว่า ผู้ร้องจะขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของนางบุญมี ศุขมาลัย โจทก์เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อจำเลยทั้งห้าได้หรือไม่พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อจำเลยทั้งห้าโดยอ้างว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย เป็นผู้วิกลจริตและไม่มีผู้อนุบาลนั้น เป็นการร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 ในกรณีเช่นนี้ศาลจะตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ได้จะต้องปรากฏว่าโจทก์มีสภาพเป็นบุคคลเป็นผู้วิกลจริต และไม่มีผู้อนุบาล แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้วิกลจริตและไม่มีผู้อนุบาลนั้นได้ถึงแก่ความตายในระหว่างการไต่สวนคำร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีสภาพบุคคลของโจทก์จึงสิ้นสุดลงไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 15 ตั้งแต่ก่อนที่ศาลจะพึงมีคำสั่งตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ได้ ผู้ร้องจึงขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 ดังกล่าวไม่ได้อนึ่ง แม้ในขณะที่โจทก์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องในฐานะผู้ร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ได้ยื่นคำฟ้องไว้ก่อนแล้วในนามของโจทก์แต่ก็ปรากฏว่าในขณะที่โจทก์ถึงแก่ความตาย ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ในฐานะที่เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์จะถือว่าเป็นกรณีที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วตายลง ซึ่งผู้ร้องอาจร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของโจทก์เพื่อดำเนินคดีอาญาต่างโจทก์ผู้ตายต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29ก็ไม่ได้ฎีกาของผู้ร้องในปัญหาดังกล่าวฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share