คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7258/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่พิพาทซึ่งได้แบ่งแยกการครอบครองเป็นส่วนสัดแล้ว จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินส่วนที่โจทก์ครอบครอง ขอให้ห้ามจำเลยกระทำการใด ๆบนที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่า การจดทะเบียนให้ที่พิพาทซึ่งค.และจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างค. กับโจทก์ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและว่าไม่เคยมีการแบ่งแยกการครอบครอง จึงมีประเด็นข้อพิพาทว่า การจดทะเบียนให้ระหว่าง ค. กับโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และได้มีการแบ่งแยกการครอบครองเป็นส่วนสัดหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่พิพาทจากจำเลย ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมหรือไม่ประเด็นแห่งคดีทั้งสองจึงต่างกัน เหตุที่นำมาวินิจฉัยคนละเหตุจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยและนางคูณ ชูกลิ่น มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 10840 เนื้อที่ 25 ไร่ 3 งาน 44 ตารางวาจำเลย และนางคูณได้แบ่งแยกการครอบครองเป็นสัดส่วน โดยนางคูณครอบครองทางด้านทิศเหนือครึ่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2533นางคูณได้จดทะเบียนยกที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินส่วนที่นางคูณยกให้ตลอดมา เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2534 โจทก์ทั้งสองขอให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวแต่จำเลยไม่ยอม ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสองครึ่งหนึ่งในส่วนทางด้านทิศเหนือตามแผนที่ท้ายฟ้องหมายเลข 1 หากจำเลยไม่ไปให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และหากไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาด นำเงินมาแบ่งให้โจทก์ทั้งสองครึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสองเคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งฐานละเมิดตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 726/2534 คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินโฉนดเลขที่ 10840 ตำบลหัวเรือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ให้โจทก์และจำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ทั้งสองและจำเลยฝ่ายละกึ่งหนึ่ง หากไม่สามารถตกลงแบ่งกันได้ให้นำที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตามส่วน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 726/2534 ของศาลชั้นต้นนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีก่อนโจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่พิพาท ซึ่งได้แบ่งแยกการครอบครองเป็นส่วนสัดแล้วจำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินส่วนที่โจทก์ทั้งสองครอบครอง ขอให้ห้ามจำเลยกระทำการใด ๆ บนที่ดินของโจทก์ทั้งสอง จำเลยให้การว่าการจดทะเบียนให้ระหว่างนางคูณกับโจทก์ทั้งสองไม่ชอบด้วยกฎหมายและว่าไม่เคยมีการแบ่งแยกการครอบครองจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่าการจดทะเบียนให้ระหว่างนางคูณกับโจทก์ทั้งสองชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และได้มีการแบ่งแยกการครอบครองเป็นส่วนสัดหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่พิพาทของจำเลยประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิฟ้องขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมหรือไม่ ประเด็นแห่งคดีทั้งสองจึงต่างกัน เหตุที่นำมาวินิจฉัยคนละเหตุจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ดังที่จำเลยฎีกา”
พิพากษายืน

Share