แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีของผู้ร้องและบุตรของผู้ร้องอีก 4 คนได้ร่วมกันฟ้องผู้ประกันเกี่ยวกับที่พิพาท ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่พิพาทในคดีนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่พิพาทในคดีดังกล่าวเป็นของผู้ประกันต่อมาผู้ประกันได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องและบุตรออกจากที่พิพาทศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิพากษาถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ประกันให้ขับไล่ผู้ร้องและพวกผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงผูกพันผู้ร้อง ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคแรก ผู้ร้องจะกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ผู้ประกันจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาประกันตัวจำเลยเพราะผู้ประกันไม่นำตัวจำเลยมาส่งศาลตามกำหนดนัดต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 357/4 หมู่ที่ 3 ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ที่ผู้ประกันวางไว้เป็นประกันเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามสัญญาประกัน ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่357/4 หมู่ที่ 3 ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมามีเพียงเอกสารเท่านั้น ไม่มีเนื้อที่ดินเพราะผู้ประกันออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับดังกล่าวทับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 270 หมู่ที่ 3 ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ของผู้ร้องบางส่วนและทับที่ดินของนายสุเทพ เทียมสำโรง บุตรของผู้ร้องบางส่วนด้วย ซึ่งผู้ร้องและนายสุเทพได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินนี้มาตลอด และออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 ที่ดินที่ผู้ประกันอ้างเป็นเจ้าของจึงไม่ใช่ที่ดินของผู้ประกัน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 357/4 หมู่ที่ 3 ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นของผู้ประกัน ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์อย่างเป็นเจ้าของตลอดมาผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของที่ดินหรือเป็นเจ้าของร่วมกับผู้ประกัน ผู้ร้องยื่นคำร้องโดยไม่มีมูลมีเจตนาประวิงคดี ขอให้ยกคำร้อง
ผู้ประกันให้การว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 357/4 หมู่ที่ 3 ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัยจังหวัดนครราชสีมา เป็นของผู้ประกันและออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) โดยถูกต้องตามกฎหมายไม่ได้ทับที่ดินของผู้ร้องและบุคคลอื่น ผู้ประกันครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาปัจจุบันผู้ร้องทำนาในที่ดินดังกล่าวแทนผู้ประกัน ผู้ร้องมายื่นคำร้องขัดทรัพย์เพื่อเปลี่ยนเจตนาการยึดถือ จึงเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่าผู้ประกันเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทหรือไม่ เห็นว่านายสิงห์ทอง เทียมสำโรง สามีของผู้ร้องและบุตรของผู้ร้องอีก 4 คนได้ร่วมกันฟ้องผู้ประกันเกี่ยวกับที่พิพาท ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่พิพาทในคดีนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่พิพาทในคดีดังกล่าวเป็นของผู้ประกัน ต่อมาผู้ประกันได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องและบุตรออกจากที่พิพาท ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิพากษาถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ประกัน ให้ขับไล่ผู้ร้องและพวก ผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1จึงผูกพันผู้ร้อง ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ผู้ร้องจะกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จึงฟังว่าผู้ประกันเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
พิพากษายืน