คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยให้แจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค.1 ต่อนายอำเภอท้องที่โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านรับรองว่าข้อความถูกต้องและเป็นความจริงนั้น เป็นประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการไม่ใช่เป็นข้อกำหนดหน้าที่ของกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน การเซ็นชื่อรับรองดังกล่าวเป็นแต่เพียงพยานเท่านั้น ไม่ใช่รับรองว่าหนังสือนั้นเป็นเสมือนหนังสือราชการ ดังนั้น หนังสือ ส.ค.1 นี้จึงไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
ถ้าหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ปลอมแบบ ส.ค.1 และได้ใช้ด้วยแล้ว ต้องลงโทษตามมาตรา 268 วรรค 2 กระทงเดียว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2508 เฉพาะปัญหาแรก)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจปลอมแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค.๑ เลขที่ ๙๑ โดยเติมคำว่า “นายอ้าย ขันคำ อายุ ๒๓ ปี เชื้อชาติไทย” และเขียนคำว่า “อ้าย” ทับชื่อคำว่า “ป้อ” และแก้เลขในช่องอายุจาก “๔๓” เป็น “๒๓” และเติมเลข “๐” ลงหลังเลข “๑” ตรงจำนวนเนื้อที่ดินจาก ๑ ไร่เป็น ๑๐ ไร่ เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖(๑), ๒๖๘ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๕, ๒๖๘ ให้จำคุกจำเลย ๖ เดือน ลดรับกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย ๓ เดือน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๖ ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า หนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค.๑ เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๖ ด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑(๘) บัญญัติว่า “เอกสารราชการ” หมายความว่าเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือได้รับรองในหน้าที่ และให้หมายความรวมถึงสำเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย
แบบแจ้งการครอบครองที่ดินที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นเอกสารที่ผู้ครอบครองที่ดินทำยื่นต่อเจ้าพนักงานเพื่อแสดงว่ามีที่ดินอยู่ในความครอบครองของตนก่อนวันประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ไม่ใช่เอกสารที่เจ้าพนักงานทำขึ้น ตามที่โจทก์อ้างว่าได้มีประกาศของกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๙๗ ข้อ ๑ กำหนดว่า ให้ผู้ครอบครองแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ ฯลฯ โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้านรับรองข้อความว่าถูกต้องตามความจริง จึงถือได้ว่าหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินที่จำเลยทำยื่นั้น มีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่แล้ว จึงเป็นเอกสารราชการ ได้พิเคราะห์ประกาศกระทรวงมหาดไทยตามที่โจทก์อ้างนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงประกาศแจ้งให้ผู้ครอบครอบและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันใช้บังคับประมวลกฎหมายที่ดินไปแจ้งการครอบครองตามหลักเกณฑืและวิธีการตามประกาศดังกล่าว ตามประกาศในข้อ ๑ ที่ว่า ให้ผู้ครอบครองที่ดินแจ้งการครอบครองที่ดิน ฯลฯ ตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดินแบบ ส.ค.๑ ท้ายประกาศนี้ โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านรับรองข้อความว่าถูกต้องนั้น ก็เป็นประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้แจ้งการครอบครองที่ดินปฏิบัติส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นประกาศกำหนดหน้าที่ของกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน การที่กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านเซ็นชื่อรับรองในหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินนั้น เป็นแต่เพียงพยาน ไม่ใช่รับรองว่าหนังสือนั้นเป็นเสมือนหนังสือราชการ มติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่าหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินแบบ ส.ค.๑ ตามฟ้องโจทก์ ไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕, ๒๖๘ นั้น ความปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารและเป็นผู้ใช้เอกสารนี้ด้วย ตามความในมาตรา ๒๖๘ วรรค ๒ บัญญัติให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๘ นี้แต่กระทงเดียว
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕, ๒๖๘ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๖๘ กระทงเดียว นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share