คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าย่อมเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อผู้เช่าตายไม่เป็นมรดกที่จะตกทอดแก่ทายาท โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ บ. ผู้เช่า จึงไม่อาจสงวนสิทธิการเช่าของ บ.ได้และไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยเกี่ยวกับสิทธิการเช่าดังกล่าวได้อีกเพราะสิทธิการเช่าของ บ.เป็นอันสิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ บ.ตายไม่มีสิทธิการเช่าที่จะบังคับแก่จำเลยได้อีกต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปดำเนินการโอนสิทธิการเช่าตึก3 ชั้น ถนนพญากง ตอนที่ 37 เลขที่ 1 ตำบลพระปฐมเจดีย์อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม คือ บ้านเลขที่ 291-293โดยเปลี่ยนชื่อผู้เช่ากับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จากชื่อของจำเลยมาเป็นชื่อของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายบุ้นเอ็ง หากจำเลยเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ก่อนอื่นจะได้วินิจฉัยเสียก่อนว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายบุ้นเอ็งฟ้องจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของนายบุ้นเอ็งในการเช่าตึก 3 ชั้นจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้ดำเนินการโอนสิทธิการเช่าตึกดังกล่าวโดยเปลี่ยนชื่อผู้เช่าจากจำเลยเป็นโจทก์ ปรากฏว่านายบุ้นเอ็งผู้เช่าได้ถึงแก่ความตายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2529 สัญญาเช่าซึ่งเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าย่อมเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อนายบุ้นเอ็งผู้เช่าตายไม่เป็นมรดกที่จะตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1600 โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนายบุ้นเอ็งจึงไม่อาจสงวนสิทธิการเช่าของนายบุ้นเอ็งผู้เช่าได้ และไม่มีอำนาจฟ้องร้องบังคับจำเลยเกี่ยวกับสิทธิการเช่าดังกล่าวได้อีกเพราะสิทธิการเช่าของนายบุ้นเอ็งเป็นอันสิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่นายบุ้นเอ็งตาย ไม่มีสิทธิการเช่าที่จะบังคับแก่จำเลยได้อีกต่อไป”
พิพากษายืน

Share