คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา47ได้แยกผู้ที่ถูกจำคุกออกเป็น2กรณีต่างหากจากกันกล่าวคือถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นกรณีหนึ่งและถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นอีกกรณีหนึ่งหาใช่เป็นกรณีเดียวกันไม่เมื่อปรากฎว่าในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดกบินทร์บุรีนั้นจำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวแต่คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดดังนี้จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1),(3) และมาตรา 357 ซึ่งเหตุเกิดที่ตำบลถนนโพธิ์และตำบลสระพระ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่า ขณะนี้จำเลยถูกศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี)พิพากษาจำคุก 27 ปี 12 เดือน ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2646/2537ขณะฟ้องคดีนี้จำเลยถูกขังอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งถือว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 47 จึงขออนุญาตฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีฟ้องโจทก์ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1) คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น ไม่รับฟ้อง ให้ยกคำร้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า การที่จำเลยต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น(ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี) ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดจะเป็นการต้องโทษจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 อันจะทำให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี) ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1) หรือไม่ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 บัญญัติว่า “ภูมิลำเนาของผู้ที่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้แก่ เรือนจำหรือทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่ จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว” บทบัญญัติดังกล่าวได้แยกผู้ที่ถูกจำคุกออกเป็น2 กรณี ต่างหากจากกัน กล่าวคือถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นกรณีหนึ่ง และถูกจำคุกตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นอีกกรณีหนึ่ง หาใช่เป็นกรณีเดียวกันไม่ เมื่อปรากฎว่าในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องนี้ จำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษา แต่คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ดังนี้ จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 ไม่ได้คำพิพากษาฎีกาที่ 3103/2536 ระหว่างพนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว โจทก์นายจันทร์ ไทยนอก กับพวก จำเลย ที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดกบินทร์บุรี
พิพากษายืน

Share