คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8229/2540

แหล่งที่มา :

ย่อสั้น

เมื่อ ถึง วันนัด ฟัง คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ผู้ร้อง และ ผู้คัดค้าน ไม่ไป ศาล ศาลชั้นต้น จึง งด อ่าน คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ซึ่ง พิพากษา ให้ ผู้คัดค้าน เป็น คนเสมือนไร้ความสามารถ และ ให้ อยู่ ใน ความ พิทักษ์ ของ ผู้ร้อง และ ถือว่า ผู้ร้อง และ ผู้คัดค้าน ทราบ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ แล้ว ต่อมา ผู้คัดค้าน โดย นาย ผู้คัดค้าน ยื่นฎีกา พร้อม กับ คำร้องขอ ให้ ไต่สวน และ มี คำสั่ง ว่า ผู้คัดค้าน ถึงแก่กรรม ไป แล้ว และ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง รับ ฎีกา แล้ว ดังนี้ เมื่อ ปรากฎ แล้ว ดังนี้ เมื่อ ปรากฎ ข้อเท็จจริง ว่า ผู้คัดค้าน ถึงแก่กรรม ก่อน ที่ ศาลชั้นต้น อ่าน คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ และ คดี เป็น เรื่อง เฉพาะตัว ของ ผู้คัดค้าน จะ รับมรดก ความ กัน ไม่ได้ เช่นนี้ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ให้ ผู้คัดค้าน เป็น คนเสมือนไร้ความสามารถ และ อยู่ ใน ความ พิทักษ์ ของ ผู้ร้อง จึง ไม่ชอบ ศาลฎีกา พิพากษายก คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ และ ให้ยก คำร้องขอ ของ ผู้ร้อง ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ด้วย

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า นายอนันต์ เวชชศาสตร์ บิดาผู้ร้องเจ็บป่วยเป็นประจำโดยผู้ร้องเป็นผู้ดูแลอุปการะเมื่อปี 2536 นายอนันต์ล้มป่วยลงอีก ลุกเดินและพูดจาไม่ได้ แพทย์ทำการรักษาโดยการผ่าตัดสมองหลายครั้งแต่ไม่หายเป็นปกติ นายอนันต์มีอาการความจำเสื่อม จำตัวเองไม่ได้และไม่มีความรู้สึกผิดชอบ โดยแพทย์ลงความเห็นว่าไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ได้ ผู้ร้องไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งให้นายอนันต์ผู้คัดค้าน เป็นคนไร้ความสามารถและตั้งผู้ร้องเป็นผู้อนุบาล ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านมิได้วิกลจริตขอให้ยกคำร้องขอ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับเป็นว่า ผู้คัดค้านเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ให้อยู่ในความพิทักษ์ของผู้ร้องโดยให้ผู้ร้องมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ส่งคำสั่งศาลไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้คัดค้านฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฎข้อเท็จจริงว่า ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2540เวลา 9 นาฬิกา ในการส่งหมายนัด ได้มีการส่งหมายนัดให้ทนายผู้คัดค้านได้ ส่วนผู้คัดค้านนั้นมีนางอรชร เวชชศาสตร์บุตรสาวซึ่งอยู่บ้านเดียวกันกับผู้คัดค้านรับหมายนัดแทนเมื่อถึงวันนัด ผู้ร้องและผู้คัดค้านไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นจึงงดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และถือว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้ว ต่อมาผู้คัดค้านโดยทนายผู้คัดค้านยื่นฎีกาพร้อมกับคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านถึงแก่กรรมไปแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาและนัดไต่สวนคำร้อง ครั้นถึงวันนัด ผู้ร้องแถลงรับว่าผู้คัดค้านถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2539ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงปรากฎว่าผู้คัดค้านถึงแก่กรรมจึงไม่จำต้องไต่สวน และให้ส่งสำนวนมาศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2539 ผู้คัดค้านจึงถึงแก่กรรมก่อนที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และคดีเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้คัดค้าน จะรับมรดกความกันไม่ได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ผู้คัดค้านเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและอยู่ในความพิทักษ์ของผู้ร้องนั้น จึงไม่ชอบ พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share