คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5589/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยให้การต่อสู้เรื่องอายุความและยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายโดยอ้างว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา624และศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามคำร้องของจำเลยดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีโจทก์มิได้ขาดอายุความตามมาตรา624การที่จำเลยฎีกาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/34จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้นและในศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งซื้อท่อนเหล็ก (Steel Bars) จำนวน3,522 มัด จากผู้ขายในต่างประเทศ และผู้ขายว่าจ้างโจทก์ขนส่งสินค้าดังกล่าวโดยเรือสินค้าจากประเทศโปแลนด์เพื่อส่งมอบแก่จำเลยที่กรุงเทพมหานคร มีข้อตกลงโดยปริยายว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้รับตราส่งมีหน้าที่ต้องไปรับสินค้าจากเรือของโจทก์ตามประเพณีการขนส่งสินค้าทางทะเลและหรือตามประเพณีการขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลแห่งท้องถิ่นในทันทีที่เรือของโจทก์พร้อมที่จะทำการขนถ่ายส่งมอบสินค้าแก่จำเลย และจำเลยจะต้องมีเรือลำเลียงไปรับขนถ่ายสินค้าจากเรือของโจทก์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การขนถ่ายสินค้าเป็นไปโดยรวดเร็ว มิฉะนั้นจำเลยจะต้องรับผิดชำระค่าที่โจทก์ต้องจอดเรือรอการขนถ่ายสินค้า เมื่อเรือของโจทก์มาจอดโจทก์แจ้งแก่จำเลยเพื่อรับมอบสินค้าที่จะขนถ่ายสินค้าลงเรือลำเลียง ปรากฎว่าจำเลยมิได้นำเรือลำเลียงมาขนถ่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่12 กุมภาพันธ์ 2534 ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2534 รวมทั้งสิ้น4 วัน 3 ชั่วโมง หรือ 4.15 วัน โจทก์เสียหายอันเกิดจากเรือของโจทก์ต้องจอดรอ โจทก์ต้องจ่ายค่าเช่าเรือวันละ6,400 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าน้ำมันดีเซล วันละ 650 ดอลลาร์สหรัฐค่าจ้างผู้ดูแลการส่งมอบขนถ่ายสินค้าวันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าขาดประโยชน์อันควรได้จากเรือดังกล่าววันละ 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐรวมค่าเสียหายเป็นจำนวนทั้งสิ้น 35,067.50 ดอลลาร์สหรัฐหรือเท่ากับเงินไทย 903,689.47 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน1,044,890.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน903,689.47 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยมีหน้าที่รับสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพไม่มีประเพณีทางการค้าที่ถือปฎิบัติกันอยู่ในการขนส่งทางทะเลที่ผู้รับตราส่งจะต้องจัดเรือลำเลียงไปรับสินค้าจากเรือเดินทะเลเมื่อเรือเดินทางมาถึงกรุงเทพมหานครจำเลยไปรับสินค้าตามสัญญาไว้เรียบร้อย โดยไม่ได้ชักช้าตั้งแต่วันที่21 กุมภาพันธ์ 2534 จำเลยรับมอบสินค้าเกินกว่า 2 ปีแล้วคดีโจทก์ขาดอายุความ ค่าเสียหายสูงเกินจริงและโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 ขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 624ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ในฐานะผู้รับขนของทางทะเลฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย อันเกิดจากเรือของโจทก์ต้องจอดรอการขนถ่ายสินค้าจากจำเลยขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การต่อสู้ในเรื่องอายุความว่าจำเลยรับมอบสินค้าเกินกว่า 2 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24โดยอ้างว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 624 เพราะโจทก์นำคดีมาฟ้องล่วงเลยระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ใช้สิทธิเรียกร้องภายใน 1ปี ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามคำร้องของจำเลยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 เพราะมิได้ใช้สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายภายใน 1 ปี นับแต่มีการส่งมอบสินค้า พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า กรณีที่ผู้ขนส่งหรือโจทก์จะฟ้องผู้รับตราส่งหรือจำเลยเช่นคดีนี้ จะนำมาตรา 624มาปรับคดีหาได้ไม่ และเห็นว่าเป็นกรณีที่ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/30 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับแก่คดี ซึ่งมีกำหนดอายุความ 10 ปีคดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความจำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 ซึ่งมีกำหนดอายุความ2 ปี เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าระวาง ค่าอุปกรณ์ในการขนส่งหรือค่าเสียหายตามสัญญารับขนของทางทะเลเกินกว่า 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ เห็นว่า เมื่อจำเลยให้การต่อสู้เรื่องอายุความและยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายโดยอ้างว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624เพราะโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 1 ปีนับแต่วันที่จำเลยรับมอบของคดีโจทก์จึงขาดอายุความ และศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามคำร้องของจำเลย โดยเห็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีโจทก์มิได้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 624 การที่จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 ไม่ตรงกับที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและในศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย

Share