คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจจะแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา คงฎีกาขึ้นมาแต่เฉพาะจำเลยที่ 2 แต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ก็ย่อมให้จำเลยที่ 1 ได้รับผลจากคำพิพากษานี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 245 (1) ประกอบด้วยมาตรา 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ เป็นบริษัทประกันภัย จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ ๒ ในทางการที่จ้างไปตามถนนสายกรุงเทพ-สระบุรี จากดอนเมืองโฉมหน้าไปสะพานลอยลาดพร้าว ด้วยความประมาทเมื่อขับเลยสี่แยกบางเขนไปได้ประมาณ ๕๐ เมตร ก็ชนท้ายรถจักรยานยนต์ของโจทก์อย่างแรงเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงินรวม ๑๗๗,๓๐๓ บาท ขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองรถบรรทุกคันเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ เช่ารถยนต์คันดังกล่าวจากจำเลยที่ ๒ ไปประกอบธุรกิจส่วนตัว เหตุเกิดขึ้นเพราะเป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ให้การว่า ไม่เคยรับประกันภัยรถบรรทุกคันเกิดเหตุขอให้ยกฟ้อง
ก่อนเริ่มต้นสืบพยาน โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ โดยความประมาทของรถจักรยานยนต์ของโจทก์เสียหาย และโจทก์ได้รับอันตรายสาหัส พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ๙๕,๘๐๓ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ฯลฯ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุเกิดขึ้นเพราะโจทก์ขับขี่รถจักรยานยนต์แซงรถบรรทุกที่จำเลยที่ ๑ ขับ แล้วแฉลบล้มลงหน้ารถยนต์บรรทุกคันที่จำเลยที่ ๑ ขับในระยะกระชั้นชิด จึงพ้นวิสัยที่จำเลยที่ ๑ จะหยุดรถได้ทัน จำเลยที่ ๑ มิได้ขับรถโดยความประมาท และวินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อฟังข้อเท็จจริงได้ดังนี้ แม้จำเลยที่ ๑ มิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงให้จำเลยที่ ๑ ได้รับผลจากคำพิพากษานี้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๕ (๑) ประกอบด้วยมาตรา ๒๔๗
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share