คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4853/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ลงพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับโจทก์ในหนังสือพิมพ์ว่า”ผู้ที่ไปรายงานให้อุปทูตซาอุดีอาระเบียทราบมีเหตุผลอะไรที่ต้องแอบไปขายเพื่อนให้กับอุปทูต”และข้อความว่า”สาเหตุที่พันตำรวจเอกคนนั้นแอบไปสารภาพไถ่บาปกับอุปทูตเพื่อสร้างความดีความชอบให้กับตนเองพันตำรวจโทสมคิดรู้เต็มอกว่าเพื่อนนายตำรวจในทีมคนไหนแอบใช้มีดปักหลังเพื่อน”กับข้อความว่า”และต่อมานายโมจาเอ็ดเออัลโนไวเซอร์อุปทูตซาอุฯได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษพ.ต.ท.สมคิดบุญถนอม ว่าเป็นผู้มีส่วนรู้เห็นในการหายตัวลึกลับของนายโมฮัมเหม็ดอัลรูไวรี่นักธุรกิจชาวซาอุฯโดยอ้างจากคำบันทึกของพ.ต.อ.เทพรัตน์รัตนวานิช ว่าเป็นผู้รายงานให้ทราบ”ข้อความดังกล่าวมีลักษณะเป็นการใส่ความว่าโจทก์เป็นคนไม่ดีโดยนำเรื่องไปบอกอุปทูตซาอุดีอาระเบียเป็นคนขายเพื่อนเพื่อหาความดีให้ตนจึงเป็นกรณีน่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังซึ่งจำเลยเองก็ยอมรับว่าจำเลยไม่ทราบว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ฉะนั้นจำเลยจะอ้างว่าแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของจำเลยซึ่งมีวิชาชีพของหนังสือพิมพ์ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328, 332, 91 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 เดือน ปรับกระทงละ 4,000 บาท รวมสองกระทงเป็นจำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าหนังสือพิมพ์สยามโพสต์ฉบับลงวันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2536 เขียนข้อความว่า “ผู้ที่ไปรายงานให้อุปทูตซาอุดีอาระเบียทราบมีเหตุผลอะไรที่ต้องแอบขายเพื่อนให้อุปทูต” และข้อความที่ว่า “สาเหตุที่พันตำรวจเอกคนนั้นแอบไปสารภาพไถ่บาปกับอุปทูตเพื่อสร้างความดีความชอบให้กับตนเอง พันตำรวจโทสมคิดรู้เต็มอกว่า เพื่อนนายตำรวจในทีมคนไหนแอบใช้มีดปักหลังเพื่อน” และหนังสือพิมพ์สยามโพสต์ฉบับวันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2536 ลงข้อความว่า “และต่อมานายโมจาเอ็ด เอ อัล โนไวเซอร์ อุปทูตซาอุฯ ได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ พ.ต.ท.สมคิด บุญถนอมว่า เป็นผู้มีส่วนรู้เห็นในการหายตัวลึกลับของนายโมฮัมเหมม็ด อัลรู ไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุฯ โดยอ้างจากคำบันทึกของ พ.ต.อ.เทพรัตน์ รัตนวานิชว่าเป็นผู้รายงานให้ทราบ” เห็นว่าข้อความดังกล่าวเป็นการใส่ความว่าโจทก์เป็นไม่ดีโดยนำเรื่องไปบอกอุปทูตซาอุดีอาระเบียบเป็นคนขายเพื่อนเพื่อหาความดีให้ตน จึงเป็นกรณีน่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ซึ่งจำเลยเองก็เบิกความยอมรับว่าจำเลยไม่ทราบว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ ฉะนั้นจำเลยจะอ้างว่าแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของจำเลยซึ่งมีวิชาชีพของหนังสือพิมพ์ไม่ได้
พิพากษายืน

Share