คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของซ. เป็นคดีแพ่งให้ชำระเงินตามเช็คที่ซ. ได้สั่งจ่ายให้โจทก์ไว้ก่อนถึงแก่กรรมเป็นกรณีที่ศาลจะพิจารณาและวินิจฉัยในประเด็นสำคัญแต่เพียงว่าซ. เจ้ามรดกนำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์และยังไม่ได้ชำระหนี้ตามเช็คและซ. จะต้องรับผิดชำระหนี้ตามเช็คหรือไม่เท่านั้นดังนั้นในส่วนที่เป็นทรัพย์มรดกของซ.ที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์มีอยู่แค่ไหนเพียงใดย่อมเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในชั้นบังคับคดีแม้ข้อความที่จำเลยเบิกความตอบคำถามค้านของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์มรดกของซ. จะเป็นความเท็จหรือไม่ก็ตามก็มิได้ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปและในคดีดังกล่าวศาลก็มิได้หยิบยกเอาคำเบิกความของจำเลยมาวินิจฉัยให้เป็นผลแพ้ชนะคดีคำเบิกความของจำเลยจึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177,350, 90, 91
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับคำฟ้องเฉพาะข้อหาเบิกความเท็จไว้ไต่สวน ส่วนข้อหาโกงเจ้าหน้าเหตุเกิดนอกเขตอำนาจศาล จึงไม่รับ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นภริยาของนายซ้อน บุตรน้ำเพชร ผู้ตายโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เมื่อนายซ้อนถึงแก่กรรมจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายซ้อนตามคำสั่งศาล ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเป็นคดีแพ่งให้ชำระเงินตามเช็คจำนวน 200,000 บาทซึ่งนายซ้อนเจ้ามรดกจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 735/2535 ของศาลชั้นต้น จำเลยได้เบิกความเป็นพยานในคดีดังกล่าวเกี่ยวกับทรัพย์สินของนายซ้อนมีใจความว่า นายซ้อนมีที่ดินเป็นทรัพย์มรดกเพียง 2 ไร่ และติดจำนองอยู่ที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด แต่ความเป็นจริงจำเลยได้โอนที่ดินมรดกของนายซ้อนอีกแปลงหนึ่งเนื้อที่ 2 ไร่มาเป็นของจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกแล้วโอนต่อไปให้บุคคลอื่นไปก่อนที่จะมาเบิกความแล้วมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ในการพิจารณาคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายซ้อนต่อศาลชั้นต้นเพื่อเรียกเงินตามเช็คดังกล่าว เป็นกรณีที่ศาลจะพิจารณาและวินิจฉัยในประเด็นสำคัญแต่เพียงว่า นายซ้อนเจ้ามรดกนำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์และยังไม่ได้ชำระหนี้ตามเช็ค นายซ้อนจึงต้องรับผิดชำระหนี้ตามเช็คหรือไม่เท่านั้น ฉะนั้นในส่วนที่เป็นทรัพย์มรดกของนายซ้อนที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์มีอยู่แค่ไหนเพียงใด ย่อมเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ในชั้นบังคับคดี แม้ข้อความที่จำเลยเบิกความตอบโจทก์ตามที่โจทก์ถามค้านเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนายซ้อนเป็นความเท็จหรือไม่ก็ตาม ก็มิได้ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป และในคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นก็มิได้หยิบยกเอาคำเบิกความของจำเลยมาวินิจฉัยให้เป็นผลแพ้ชนะคดีแต่อย่างใดคำเบิกความของจำเลยนั้นจึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share