คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทย์ฟ้องกล่าวโทษจำเลยว่า เมื่อต้นเดือนธันวาคมจนถึงวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๑ ทั้งเวลากลางวันแลกลางคืน จำเลยกับพวกสมคบกันลักเล่นต่อแต้มแลไพ่จีนพนันเอาทรัพย์กัน ที่ตำบลวัดแก้วพิจิตร์ จังหวัดปราจิณบุรีเจ้าพนักงานจับตัวจำเลยได้พร้อมกับของกลาง จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอากรการพนันศก ๑๒๐ มาตรา ๑๐ – ๑๑ แลประกาศแก้ไขลงวันที่ ๑๔ มีนาคมศก ๑๒๔ กับขอให้จำเลยใช้ค่าสินบน แลริบของกลางเสียด้วย ฯ
จำเลยทั้ง ๙ คนให้การปฏิเสธ นายยกหลี นายกิมล้าน นายเม่งย้งจำเลยต่อสู้ว่าได้เล่นต่อแต้มหยอกกันโดยมิได้พนันเอาทรัพย์แก่กัน ฯ
ศาลจังหวัดปราจิณบุรีพิจารณาแล้วฟังคดีว่า นายยกหลี นายกิมล้าน นายเม่งย้งจำเลยได้ลักเล่นต่อแต้มพนันเอาทรัพย์โดยทางลงคะแณนไว้ จึงพิพากษาว่านายยกหลี นายกิมล้าน นายเม่งย้งจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอากรการพนันศก ๑๒๐ มาตรา ๑๐ ให้ปรับคนละ ๔๐ บาท กับให้เสียค่ารางวัลให้นายสุกอีกคนละ ๒๐ บาท ถ้าไม่มีเงินเสียให้จำแทนคนละ ๔๐ วัน ของกลางนอกจากเสื่อหมายเลข ๗ ให้ริบส่วนเสื่ออีก ๓ ผืนที่เปนของนายต๊งนั้นให้คืนแก่นายต๊งไปจำเลยนอกจาก ๓ คนนี้ไม่มีผิดให้ปล่อยตัวไป ฯ
นายยกหลี นายกิมล้าน นายเม่งย้งจำเลยอุทธรณ ฯ
ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า คดีนี้มีแต่คำนายสุกพยานโจทย์คนเดียวที่ยืนยันว่าจำเลยเล่นต่อแต้ม โดยใช้ไม้ขีดไฟกับตะปูตั้งเปนคะแณน แต่นายสุกก็หาได้แสดงเหตุผลให้เห็นว่าจำเลย ๓ คนนี้ได้เล่นพนันเอาทรัพย์กันอย่างไรไม่ เวลานั้นพวกจำเลยก็พูดกันเปนภาษาจีน นายสุกก็หาได้เข้าใจภาษานั้นไม่ ทั้งปรากฎว่านายสุกผู้นี้เปนผู้รับสินบนนำจับจำเลยเหล่านี้เด้วย เมื่อหลักฐานโจทย์ยังไม่เพียงพอดังนี้ จึงพิพากษากลับคำตัดสินศาลเดิม ยกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาเถียงข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมตรวจสำนวนเรื่องนี้ตลอดแล้วเห็นว่าคดีนี้พยานโจทย์นอกจากถ้อยคำนายสุกผู้รับสินบนนำจับจำเลยเหล่านี้แล้วโจทย์ไม่มีพยานอื่นเบิกความประกอบคำนายสุกว่า จำเลยได้เล่นต่อแต้มพนันเอาทรัพย์แก่กันอย่างใดจะฟังแต่คำนายสุกปากเดียวยังไม่พอ ทั้งนายสุกก็เปนแต่เข้าใจเอาเองว่าจำเลยคงจะพนันเอาทรัพย์กัน คดียังไม่พอที่จะลงโทษจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไปนั้นควรแล้ว ฎีกาโจทย์ฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ ฯ
วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share