คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อ โจทก์อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ถ้าโจทก์แยกฟ้องและศาลสั่งให้พิจารณารวมกันศาลก็ลงโทษได้ไม่เกินกำหนดตามประมวลกฎหมายมาตรา 91 หากศาลมิได้สั่งให้พิจารณารวมกันและลงโทษทุกกรรมเต็มตามที่กำหนดในมาตราดังกล่าวทั้งสองสำนวน ศาลก็จะนับโทษต่อไม่ได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกำหนดที่มาตรา 91 บัญญัติไว้ เมื่อคดีที่ขอให้นับโทษต่อ ศาลจำคุก 20 ปีเต็มตามกำหนดในมาตรา 91 คดีถึงที่สุดแล้วและคดีนี้ จำคุก 20 ปี ดังนี้ นับโทษต่อไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 157, 161, 162, 264, 265, 266, 268พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1465/2526ของศาลชั้นต้น ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 40,497.12 บาท แก่เจ้าของจำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจริง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 157, 161, 162, 264, 265,266, 268, 341 เรียงกระทงลงโทษ ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมฉ้อโกง ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา 266 ให้จำคุกกระทงละ 3 ปีรวม 170 กระทง เป็นจำคุก 510 ปีฐานฉ้อโกงอีก 1 กระทง ให้จำคุก1 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 340 ปี 8 เดือน แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2)บัญญัติว่าเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนด 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 20 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 40,447 บาท 12 สตางค์ แก่เจ้าของ ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1465/2526 หมายเลขแดงที่ 1762/2527 นั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง จึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้ ให้ยกคำขอส่วนนี้ โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ได้ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1465/2526 ของศาลชั้นต้น เมื่อปรากฏตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1465/2526 หมายเลขแดงที่ 1762/2527 ของศาลชั้นต้น ที่โจทก์ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์เป็นว่าให้ลงโทษจำคุกจำเลยและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเวลาเดียวกันกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีนี้คนละบัลลังก์กัน ทำให้โจทก์ไม่อาจยื่นคำแถลงให้ศาลชั้นต้นทราบได้ทันจำเลยมิได้แก้อุทธรณ์ของโจทก์ให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงฟังได้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อแล้วต้องนับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากคดีดังกล่าวพิพากษาแก้เป็นว่าให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1465/2526หมายเลขแดงที่ 1762/2527 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่าจะนับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1762/2527 ของศาลชั้นต้นได้หรือไม่ เห็นว่า คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4527/2530 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี โจทก์ จ่าสิบเอกเจริญชัย พราหมณ์น้อย จำเลย โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 266ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา 266 การกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกระทงรวม 71 กระทง ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 20 ปีตามมาตรา 91(2) คดีดังกล่าวและคดีนี้เป็นเรื่องทุจริตเงินบำนาญพิเศษจากส่วนราชการเดียวกัน เพียงแต่อ้างชื่อผู้มีสิทธิรับบำนาญพิเศษต่างรายกัน หน่วยราชการซึ่งเป็นผู้เสียหายก็รายเดียวกันโจทก์อาจฟ้องจำเลยสำหรับการกระทำผิดคดีนี้และคดีที่ขอให้นับโทษต่อเป็นคดีเดียวกันได้ เพราะโจทก์จำเลยเป็นคนเดียวกันและพยานหลักฐานน่าจะเป็นชุดเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าโจทก์แยกฟ้องจำเลยแต่ละกระทงความผิดเป็นรายสำนวนไปและศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีทุกสำนวนรวมกันศาลก็จะลงโทษจำเลยได้ไม่เกินกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91 เมื่อโจทก์แยกฟ้องคดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อโดยศาลมิได้สั่งรวมการพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน แล้วศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91ทั้งสองสำนวนแล้ว ศาลก็นับโทษจำเลยต่อกันไม่ได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกำหนดที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 บัญญัติไว้ และเมื่อปรากฏว่าคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว โดยศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลย 20 ปี เต็มตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91 จำเลยก็จะได้รับโทษจำคุกในคดีนั้นรวมกับโทษในคดีนี้เกินกำหนดดังกล่าวไม่ได้ เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1465/2526 หมายเลขแดงที่ 1762/2527 ของศาลชั้นต้นมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และโทษจำคุกทั้งสองคดีที่จำเลยจะต้องได้รับไม่ให้เกิน20 ปี

Share