แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อคดีอาญาฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46แม้คดีส่วนแพ่งมีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา40ก็ตามแต่เมื่อการพิพากษาคดีส่วนแพ่งจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาซึ่งเป็นข้อกฎหมายจึงต้องฟังว่าจำเลยที่1มิได้ทำละเมิดอันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83,358,362,365และให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน70,000บาทแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การว่าจำเลยที่1ไม่เคยบุกรุกไถคันที่ดินและทำลายทรัพย์ของโจทก์จำเลยที่2และจำเลยที่3มิได้กระทำผิดขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องยกคำขอส่วนแบ่ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่1มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362และมาตรา358การกระทำของจำเลยที่1เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา258ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90ให้จำคุกจำเลยที่1มีกำหนด9เดือนและปรับ6,000บาทลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78คงจำคุก6เดือนและปรับ4,000บาทจำเลยที่1อายุ81ปีและพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดของจำเลยที่1ไม่ร้ายแรงนักโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2ปีและให้จำเลยที่1ใช้ราคาทรัพย์สินแก่โจทก์เป็นเงิน30,000บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่1ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าการกระทำของจำเลยที่1ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเมื่อในคดีอาญาฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1ทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46แม้คดีส่วนแพ่งคดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา40ก็ตามแต่เมื่อการพิพากษาคดีส่วนแพ่งจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าวซึ่งเป็นข้อกฎหมายจึงต้องฟังว่าจำเลยที่1มิได้ทำละเมิดอันจะต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่1