คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าคำพิพากษามีผลผูกพันผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านทั้งสองในคดีให้ต้องปฏิบัติตามแต่ไม่ผูกพันท.บุคคลภายนอกแม้จะเป็นผู้รับผลประโยชน์จากคำพิพากษาเป็นคำสั่งเกี่ยวกับบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลว่าคำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคสอง ส่วนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าคู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาผู้ร้องที่2ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อท. ถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยและให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่26ไร่ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองและท. ร่วมกันโดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคนเป็นคำสั่งเกี่ยวกับคู่ความที่มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคู่ความอีกฝ่ายที่ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกันและมิใช่กรณีมีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งแห่งคดีแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่วินิจฉัยชี้ขาดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินโฉนดที่ 1084 ตำบลบางหวายใต้ (คลองซอยที่ 2 ฝั่งตะวันตก)อำเภอคลองหลวง จังหวัดธัญบุรี (ปทุมธานี) ด้านทิศเหนือเนื้อที่26 ไร่ ให้แก่ผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลว ดีพร้อม ส่วนด้านทิศใต้เนื้อที่ 25 ไร่ 3 งาน 96 ตารางวา ให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง และบ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 1 ในที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง ผู้คัดค้านทั้งสองและในฐานะผู้จัดการมรดกของนางต่อม เผือกฟัก และสิบโทอยู่ เผือกฟัก จะดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทและจดทะเบียนลงชื่อผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวในโฉนดที่ดินภายใน 7 วัน นับแต่วันทำสัญญาศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด
ผู้คัดค้านที่ 2 และในฐานะผู้จัดการมรดกของนางต่อมและสิบโทอยู่ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสองและเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาคลองหลวง ไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทขอให้บังคับบุคคลทั้งสามจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2537 ว่า ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามผู้ร้องทั้งสอง (ที่ถูกคือผู้ร้องที่ 2) ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อนางทองเปลวถือกรรมสิทธิ์รวมด้วย แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมิได้ระบุส่วนแบ่งของผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวไว้ชัดแจ้งทั้งผู้ร้องทั้งสองยังคัดค้านในเรื่องส่วนแบ่งอยู่ จึงให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่26 ไร่ ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวร่วมกันโดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคน
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้วผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า สัญญาประนีประนอมยอมความคำพิพากษาตามยอม และรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่9 เมษายน 2534 ในคดีนี้ไม่มีผลผูกพันนางทองเปลว ดีพร้อมเนื่องจากเป็นบุคคลภายนอก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 29 มีนาคม2537 ว่าคำพิพากษาผูกพันคู่ความในคดีให้ต้องปฏิบัติตาม แต่ไม่ผูกพันบุคคลภายนอกแม้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากคำพิพากษาคำพิพากษาคดีนี้จึงไม่ผูกพันนางทองเปลว ต่อมาศาลชั้นต้นนัดสอบถามคู่ความและเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาคลองหลวงกรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อสอบถามแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 27 เมษายน 2537 ว่า คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาผู้ร้องทั้งสอง (ที่ถูกคือผู้ร้องที่ 2) ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อนางทองเปลวถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยแต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมิได้ระบุส่วนแบ่งของผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวไว้ชัดแจ้ง ทั้งผู้ร้องทั้งสองยังคัดค้านในเรื่องส่วนแบ่งอยู่ จึงให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่ 26 ไร่ ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวร่วมกัน โดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคนที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจมีคำสั่ง ลงวันที่27 เมษายน 2537 ได้ เพราะผลแห่งคำสั่งดังกล่าวเท่ากับเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลเดียวกันอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 29 มีนาคม2537 จึงเป็นการต้องห้าม ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่27 เมษายน 2537 นั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่29 มีนาคม 2537 ที่ว่า คำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอกแม้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากคำพิพากษาในคดีนี้ คำพิพากษาจึงไม่ผูกพันนางทองเปลวนั้น เป็นคำสั่งเกี่ยวกับบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลว่าคำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอก ส่วนคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 27 เมษายน2537 ที่ว่า คู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาผู้ร้องที่ 2 ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อนางทองเปลวถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย และให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่ 26ไร่ ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสอง และนางทองเปลวร่วมกันโดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคนนั้น เป็นคำสั่งเกี่ยวกับคู่ความที่มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคู่ความอีกฝ่ายร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา จึงเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกันกรณีมิใช่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งแห่งคดีแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาด นั้นดังที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share