คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะเสนอคดีต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องขออันเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ไม่มีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิแต่มีเหตุที่ผู้เสนอคดีจำต้องใช้สิทธิทางศาลแต่ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่าน.ซึ่งเป็นฝ่ายที่มีอำนาจจัดการสินสมรสไม่ได้จัดการสินสมรสให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงการหย่าผู้ร้องขอยกเลิกบันทึกข้อตกลงการหย่านับแต่วันที่ยื่นคำร้องและมีคำขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการสินสมรสแต่ผู้เดียวจึงเป็นกรณีที่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างผู้ร้องกับน. อันเป็นคดีมีข้อพิพาทซึ่งจะต้องเสนอคดีต่อศาลโดยทำเป็นคำฟ้อง บทบัญญัติในมาตรา1475แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นเรื่องที่กฎหมายให้สิทธิคู่สมรสฝ่ายที่ไม่มีชื่อในสินสมรสที่มีเอกสารเป็นสำคัญร้องขอต่อคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของในเอกสารนั้นเพื่อให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมด้วยและกำหนดให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องปฏิบัติตามคำร้องขอนั้นหาใช่เป็นกรณีที่กฎหมายให้คู่สมรสดังกล่าวร้องขอต่อศาลไม่ มาตรา1484เป็นบทบัญญัติในหมวดทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาดังนั้นสามีหรือภริยาจะมีสิทธิตามที่กำหนดไว้ในมาตรานี้ต่อเมื่อยังคงมีความเป็นสามีภริยากันอยู่แต่ขณะยื่นคำร้องผู้ร้องได้หย่าขาดกันด้วยความสมัครใจกับน. ไปก่อนแล้วฉะนั้นตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าผู้ร้องกับน. จึงไม่มีสิทธิหน้าที่และความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากันอีกผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องมีอำนาจจัดการสินสมรสแต่ผู้เดียวตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1484

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเคยเป็นสามีของนางนวลนิตย์คัมภิรานน์หรือรุ่งหิมวรรณ และตกลงหย่าขาดจากกันโดยทำบันทึกให้นางนาลนิตย์เป็นผู้มีอำนาจจัดการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดแทนผู้ร้อง ต่อมานางนวลนิตย์แบ่งขายที่ดินซึ่งเป็นสินสมรสให้แก่บุคคลภายนอกไปหนึ่งแปลงโดยไม่แจ้งให้ผู้ร้องทราบผู้ร้องจึงขอยกเลิกบันทึกดังกล่าวนับแต่วันที่ยื่นคำร้องเพื่อให้ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย และขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้มีอำนาจจัดการสินสมรสแต่ผู้เดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484 กับขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินลงชื่อผู้ร้องในเอกสารสำคัญสำหรับที่ดินดังกล่าว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรณีตามคำร้องเป็นการโต้แย้งสิทธิระหว่างผู้ร้องกับนางนวลนิตย์ คัมภิรานนท์หรือรุ่งหิมวรรณซึ่งต้องดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาทจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า ผู้ร้องมีอำนาจขอให้ศาลดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่บุคคลจะนำคดีมาสู่ศาลโดยทำเป็นคำฟ้องหรือทำเป็นคำร้องขอนั้นจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายวิธีสบัญญัติคือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55ซึ่งบัญญัติว่า “เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง หรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลบุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้”ดังนั้น การที่จะเสนอคดีต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องขออันเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทนั้นจะต้องเป็นกรณีที่ไม่มีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิแต่มีเหตุที่ผู้เสนอคดีจำต้องใช้สิทธิทางศาล แต่ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่า นางนวลนิตย์ซึ่งเป็นฝ่ายที่มีอำนาจจัดการสินสมรสไม่ได้จัดการสินสมรสให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงการหย่าผู้ร้องขอยกเลิกบันทึกข้อตกลงการหย่านับแต่วันที่ยื่นคำร้องและมีคำขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการสินสมรสแต่ผู้เดียวจึงเป็นกรณีที่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างผู้ร้องกับนางนวลนิตย์อันเป็นคดีมีข้อพิพาทซึ่งจะต้องเสนอคดีต่อศาลโดยทำเป็นคำฟ้องมายื่นต่อศาลเรียกนางนวงนิตย์มาเป็นคู่ความเพื่อให้โอกาสนางนวลนิตย์ต่อสู้คัดค้านป้องกันสิทธิการที่ผู้ร้องเสนอคดีโดยทำเป็นคำร้องจึงไม่ชอบ ส่วนบทบัญญัติในมาตรา 1475 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ผู้ร้องอ้างว่าให้สิทธิทำได้ด้วยการร้องขอนั้นเป็นเรื่องที่กฎหมายให้สิทธิคู่สมรสฝ่ายที่ไม่มีชื่อในสินสมรสที่มีเอกสารเป็นสำคัญร้องขอต่อคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งซึี่งมีชื่อเป็นเจ้าของในเอกสารนั้นเพื่อให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมด้วย และกำหนดให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องปฏิบัติตามคำร้องขอนั้นหาใช่เป็นกรณีที่กฎหมายให้คู่สมรสดังกล่าวร้องขอต่อศาลไม่ สำหรับบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484 ที่ผู้ร้องอ้างว่าให้สิทธิผู้ร้องร้องขอต่อศาลได้ แม้การสมรสสิ้นสุดลงและไม่ต้องทำเป็นคำฟ้องนั้น เห็นว่า มาตรา 1484 เป็นบทบัญญัติในหมวดทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา ดังนั้น สามีหรือภริยาจะมีสิทธิตามที่กำหนดไว้ในมาตรานี้ต่อเมื่อยังคงมีความเป็นสามีภริยากันอยู่แต่ตามคำร้องของผู้ร้องปรากฏว่าขณะยื่นคำร้องผู้ร้องได้หย่าขาดกันด้วยความสมัครใจกับนางนวลนิตย์ไปก่อนแล้ว ฉะนั้นตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่า ผู้ร้องกับนางนวลนิตย์จึงไม่มีสิทธิและหน้าที่และความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากันอีก ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องมีอำนาจจัดการสินสมรสแต่ผู้เดียวตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484ทั้งการที่ผู้ร้องอ้างว่านางนวลนิตย์ผิดสัญญาท้ายทะเบียนหย่าอันเป็นการโต้แย้งสิทธิผู้ร้อง ก็ต้องทำเป็นคำฟ้องไม่ใช่เป็นคำร้องขอดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share