คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3182/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีก่อนโจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การอันเป็นกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำพิพากษาในคดีที่ฟ้อง เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้อีกย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148แม้ทุนทรัพย์และระยะเวลาในการคิดค่าปรับและการคิดค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้จะต่างกับคดีก่อน ก็หาทำให้ ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อ ระยะเวลาที่โจทก์นำมาเป็นฐานการคำนวณค่าปรับและค่าขาดประโยชน์นั้นขึ้นอยู่กับความเสียหายอันเป็นมูลแห่งการใช้สิทธิเรียกร้องของโจทก์แม้ระยะเวลาของการคิดคำนวณในฟ้องเดิมจะต่างกับคดีนี้ ก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่ ฟ้องโจทก์ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ก่อสร้างอาคารพาณิชย์พร้อมชั้นลอยในราคาค่าจ้างเหมาซึ่งรวมวัสดุอุปกรณ์การติดตั้งประปา ไฟฟ้า และการตกแต่ง ต่อมาจำเลยบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์และทิ้งงานไปโดยที่โจทก์มิได้ประพฤติผิดสัญญาซึ่งขณะที่บอกเลิกสัญญาจำเลยก่อสร้างอาคารได้เพียงร้อยละ30 ของงาน ทั้งหมดคิดเป็นเงินค่าจ้าง 150,000 บาทการบอกเลิกสัญญาของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยให้ชำระค่าเสียหาย 518,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยในมูลหนี้เดียวกันกับคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2536เป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 197/2536 เรียกค่าเสียเป็นเงิน280,000 บาท แต่ต่อมาโจทก์ได้ถอนฟ้องไป ฉะนั้นเมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 518,000 บาท จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 224,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าโจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ก่อสร้างอาคารพาณิชย์สองชั้น 2 คูหาแทนที่อาคารไม้ชั้นเดียวซึ่งปลูกอยู่เดิม และต่อเติมอาคารตึกชั้นเดียวเดิมซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารไม้ให้เป็นสองชั้นโดยเชื่อต่อกับอาคารที่สร้างใหม่ในราคาจ้างเหมารวมวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างเป็นเงิน 490,000 บาทโดยจำเลยต้องรื้อถอนอาคารไม้ดังกล่าวด้วย กำหนดแล้วเสร็จใน 150 วัน นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2535 จำเลยได้ก่อสร้างอาคารได้เป็นบางส่วน จำเลยหยุดก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2536โจทก์ได้จ้างนายอำนวย จันทร์เพ็ง มาก่อสร้างจนแล้วเสร็จมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 107/2536ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ในคดีเดิมโจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องก่อนที่จำเลยจะยื่นคำให้การอันเป็นกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำพิพากษาในคดีที่ฟ้อง เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148แม้ทุนทรัพย์จะแตกต่างกัน ระยะเวลาในการคิดค่าปรับและการคิดค่าเสียหายจะต่างกัน ก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีมีปัญหาต่อไปว่า ระยะเวลาที่โจทก์คิดค่าปรับและระยะเวลาที่โจทก์คิดค่าขาดประโยชน์ในฟ้องเดิมต่างกันนั้นเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ฟ้องโจทก์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่นั้นเห็นว่า ระยะเวลาที่โจทก์นำมาเป็นฐานการคำนวณค่าปรับและค่าขาดประโยชน์นั้นขึ้นอยู่กับความเสียหายอันเป็นมูลแห่งการใช้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ แม้ระยะเวลาของการคิดคำนวณในฟ้องเดิมจะต่างกับคดีนี้ ก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่ฟ้องโจทก์ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
พิพากษายืน

Share