แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ไม่มีพยานว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเอกสารตามที่โจทก์ขอให้ศาลหมายเรียกอย่างไรโดยเมื่อได้รับหมายเรียกจำเลยทั้งสองได้ให้เจ้าหน้าที่ค้นหาเอกสารดังกล่าวและเมื่อตรวจแล้วเห็นว่าตรงตามหมายเรียกจึงลงลายมือชื่อรับรองสำเนาเอกสารที่ถ่ายจากเอกสารดังกล่าวแล้วส่งศาลโดยปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการพยานโจทก์จึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้แม้เอกสารซึ่งเป็นต้นฉบับจะถูกปลอมแปลงก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157,161,188,264,265,268,83,84,86,90,91,59
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157,161,264,265,268ให้ประทับฟ้องข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์และจำเลยทั้งสองนำสืบว่าเอกสารหมายจ.2แผ่นที่2ถึง5เป็นเอกสารที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายเรียกมาเป็นพยานในคดีก่อนและจำเลยที่1ได้ส่งสำเนาเอกสารหมายจ.2ถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาโดยจำเลยที่2ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องแต่ปรากฏว่าเอกสารหมายจ.2แผ่นที่2ถึง5ไม่มีตราประทับของสำนักงานเลขาธิการในแผ่นที่2และบันทึกของโจทก์ในแผ่นที่5ไม่ตรงกับเอกสารหมายจ.1ซึ่งเป็นต้นฉบับมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่จำเลยที่1เบิกความว่าสำเนาพยานเอกสารซึ่งส่งไปศาลพร้อมหนังสือนำส่งตามเอกสารหมายจ.2จำเลยที่2เป็นผู้รับรองสำเนาถูกต้องตามเอกสารหมายจ.2จำเลยที่1ได้ตรวจดูแล้วว่าเป็นหนังสือที่มท1402/914ลงวันที่16ธันวาคม2530ตรงกับหมายเรียกพยานของศาลอาญาฉบับลงวันที่15ตุลาคม2533จึงลงนามส่งไปให้ศาลอาญาตามหมายเรียกจำเลยที่2เบิกความเป็นพยานว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ค้นหาเอกสารได้แล้วนำเอกสารดังกล่าวมาเสนอโดยทำบันทึกเสนอเพื่อลงนามรายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมายล.20นาง จุฑารัตน์ วัฒนลิขิต ได้แนบสำเนาเอกสารตามหมายเรียกของศาลอาญามาพร้อมกับบันทึกข้อความเอกสารหมายล.20ด้วยเอกสารที่แนบมากับบันทึกเอกสารหมายล.20คือเอกสารท้ายเอกสารหมายจ.2ได้ตรวจดูแล้วเป็นเอกสารตามหมายเรียกของศาลอาญาแต่ไม่ได้ตรวจดูต้นฉบับของเอกสารเพราะเชื่อเจ้าหน้าที่ว่าได้ถ่ายมาจากต้นฉบับที่แท้จริงเมื่อรับรองถูกต้องแล้วได้ส่งเอกสารไปยังสำนักงานเลขานุการกรมนาง จุฑารัตน์วัฒนลิขิต เบิกความเป็นพยานจำเลยทั้งสองว่าเมื่อค้นหาเอกสารได้แล้วได้ทำบันทึกปะหน้าเสนอเลขานุการกรมตามเอกสารหมายล.20ให้จำเลยที่2ลงนามเห็นว่าตามหมายเรียกพยานเอกสารหรือวัตถุพยานของศาลอาญาลงวันที่15ตุลาคม2533กำหนดให้ส่งเอกสารคือหนังสือที่มท1402/914ลงวันที่16ธันวาคม2530เท่านั้นซึ่งจำเลยทั้งสองนำสืบว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ค้นหาเอกสารดังกล่าวเมื่อตรวจเห็นว่าตรงตามหมายเรียกจึงลงลายมือชื่อรับรองและส่งศาลอาญาโดยปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการโจทก์ไม่มีพยานว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันปลอมเอกสารหมายจ.2อย่างไรคงคาดหมายเอาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเพราะมีสาเหตุกับโจทก์เท่านั้นพยานโจทก์จึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน