กรณีขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่ครบตามราคารถยนต์ที่ศาลกำหนดให้เช่าซื้อ (รถยนต์) ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7566/2562
ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ในคดีก่อนภายหลังจากศาลจังหวัดสระบุรีพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคาแทน 350,000 บาท พร้อมให้รับผิดชำระค่าเสียหายและค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือร่วมกันใช้ราคาแทนแก่โจทก์ จนโจทก์ต้องติดตามรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนจากจำเลยที่ 1 และรถยนต์ที่เช่าซื้อที่โจทก์ได้รับคืนมามีสภาพชำรุดบกพร่อง ทำให้ขายทอดตลาดได้เงินเพียง 182,242.99 บาท ไม่ครบถ้วนตามราคารถยนต์ที่ศาลจังหวัดสระบุรีกำหนดไว้ในคำพิพากษา ดังนี้ ย่อมถือว่า โจทก์ได้รับความเสียหายจากราคารถยนต์ส่วนที่ขาดไปและโจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชดใช้ราคารถยนต์ส่วนที่ยังขาดจำนวนได้ เนื่องจากเป็นความเสียหายที่สืบเนื่องมาจากมูลหนี้ตามคำพิพากษาคดีก่อนและเกิดขึ้นภายหลังจากศาลจังหวัดสระบุรีมีคำพิพากษาในคดีก่อน มิใช่กรณีที่จะไปบังคับคดีในคดีก่อนได้ เพราะการบังคับคดีในคดีก่อนจำต้องอาศัยคำพิพากษาที่วินิจฉัยให้จำเลยทั้งสามต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในมูลหนี้ใดบ้างเป็นสำคัญ ทั้งยังมิใช่เป็นเรื่องที่คำพิพากษาคดีก่อนได้กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติตามคำพิพากษาไว้และโจทก์ได้ดำเนินการบังคับชำระหนี้ก่อนหลังกันไปตามลำดับไปแล้วจนไม่อาจเรียกค่าขาดราคาได้ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัย ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รถยนต์ที่เช่าซื้อกลับคืนมาในสภาพชำรุดบกพร่องจนเสื่อมราคา ทำให้ขายทอดตลาดได้เงินต่ำกว่า 350,000 บาท อันเป็นราคารถยนต์ที่แท้จริงที่ศาลจังหวัดสระบุรีกำหนดไว้ในคำพิพากษา โดยโจทก์ขายรถยนต์ได้เงินเพียง 182,242.99 บาท ทั้งเหตุแห่งความชำรุดบกพร่องทำให้รถยนต์ที่เช่าซื้อเสื่อมราคาลงตามที่ปรากฏในภาพถ่ายหมาย จ.11 และใบตรวจเช็คสภาพรถเอกสารหมาย จ.14 เป็นต้นว่า กระจกรถยนต์ด้านหน้าและกันชนด้านหลังแตก คอนโซลมีรอยแตก และไม่มีล้ออะไหล่ ล้วนเป็นเหตุที่เกิดจากความบกพร่องในการดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 จึงเห็นสมควรกำหนดค่าขาดราคารถยนต์ให้แก่โจทก์โดยคิดตามส่วนต่างของราคารถยนต์ที่ศาลจังหวัดสระบุรีกำหนดไว้ คิดเป็นเงิน 167,757.01 บาท ตามที่โจทก์เรียกร้อง แต่ในส่วนค่าบริการจัดการประมูล 3,000 บาท ที่โจทก์ฎีกาให้จำเลยทั้งสามรับผิดต่อโจทก์ด้วยนั้น เมื่อโจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อกลับคืนตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสระบุรีแล้ว การจัดประมูลขายทอดตลาดรถยนต์ที่โจทก์ดำเนินการต่อไปจนมีค่าใช้จ่าย นับเป็นเรื่องที่โจทก์จัดให้มีขึ้นตามความประสงค์ของตนที่ไม่ต้องการจะถือกรรมสิทธิ์และเก็บรักษาทรัพย์สินที่เช่าซื้อ ซึ่งถือมิได้ว่าเป็นค่าเสียหายโดยตรงจากการไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสาม หากแต่เป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องรับภาระไปเองโดยไม่อาจยกข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่สิ้นสุดไปแล้วมาเรียกร้องค่าบริการจัดการประมูลจากจำเลยทั้งสามได้