คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ร่วมครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดคดีเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสุนทรี ศุภมานพ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องรวม 3 กระทงรวมจำคุก 4 เดือน 15 วัน แต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะกระทงความผิดฐานออกเช็คพิพาทฉบับลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2531 จำนวนเงิน 60,000 บาท ไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมยื่นคำร้องว่าโจทก์ร่วมกับจำเลยสามารถตกลงกันได้ และจำเลยได้ชำระหนี้แก่โจทก์ร่วมครบถ้วนแล้ว ขอถอนฟ้อง โจทก์และจำเลยไม่ค้าน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ร่วมครบถ้วนแล้วหนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อน ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)
จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

Share