คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้พาอาวุธขวานไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควรและได้ใช้อาวุธขวานตีฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371,288,80,91 แม้ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าตามฟ้องแต่เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยใช้ท่อเหล็กแป๊บน้ำตีทำร้ายผู้เสียหายจริงศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามมาตรา 295 ซึ่งพิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้าย ส่วนข้อหาความผิดฐานพาอาวุธขวานไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะซึ่งยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษปรับจำเลย 60 บาทแม้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องในข้อหาดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 วรรคแรกประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้พาอาวุธขวานไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควรและจำเลยได้ใช้อาวุธขวานดังกล่าวตีฟันทำร้ายนายประดิษฐ์ปะสันผู้เสียหายหลายครั้งถูกที่บริเวณศีรษะและท้ายทอยโดยจำเลยมีเจตนาฆ่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้เสียหายวิ่งหลบหนีเป็นเหตุให้จำเลยฟันถูกไม่ถนัดและมีผู้นำผู้เสียหายส่งให้แพทย์ทำการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายจึงเพียงได้รับอันตรายแก่กายไม่ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371,288,80,91 คืนท่อเหล็กของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การว่าได้ใช้ท่อเหล็กแป๊บน้ำตีผู้เสียหายจริงแต่ทำเพื่อสั่งสอนไม่มีเจตนาฆ่าและไม่ได้ใช้ขวานฟันแต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80,371 ฐานพยายามฆ่าวางโทษจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธโดยไม่มีเหตุสมควรวางโทษปรับ 90 บาท รวมโทษจำคุก 10 ปีและปรับ 90 บาท จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 ปี 8 เดือนและปรับ 60 บาทหากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 คืนท่อเหล็กของกลางให้เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ยุติในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้องจำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายมีบาดแผลที่ศีรษะด้านหลัง1แผลเหนือท้ายทอยข้างซ้าย 2 แผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลเอกสารหมาย จ.2 คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ในเบื้องต้นเห็นควรวินิจฉัยก่อนว่าบาดแผลของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นบาดแผลถูกจำเลยใช้อาวุธขวานฟันดังที่โจทก์นำสืบหรือว่าเป็นบาดแผลถูกจำเลยใช้ท่อเหล็กแป๊บน้ำของกลางตีดังที่จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยใช้ท่อเหล็กแป๊บน้ำของกลางตีผู้เสียหายหาได้ใช้อาวุธขวานฟันทำร้ายผู้เสียหายไม่และบาดแผลจากการถูกตีทำร้ายก็ไม่ร้ายแรงนักอีกทั้งตามคำเบิกความของผู้เสียหายก็ได้ความว่าเมื่อจำเลยวิ่งตามมาทันที่ผู้เสียหายล้มลงจำเลยซึ่งมีโอกาสตีทำร้ายผู้เสียหายซ้ำกลับหยุดตีทำร้ายเมื่อทราบว่าผู้เสียหายมิได้ลักเอาเรือของน้องจำเลยไปตามพฤติการณ์แห่งคดีดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้นยังฟังได้ไม่ถนัดว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าตามฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาพยายามฆ่าผู้เสียหายมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังขึ้นอย่างไรก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำให้การรับสารภาพของจำเลยว่าจำเลยใช้ท่อเหล็กแป๊บน้ำตีทำร้ายผู้เสียหายจริงศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ซึ่งพิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้าย
อนึ่งเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้อาวุธขวานฟันทำร้ายผู้เสียหายแม้ว่าข้อหาความผิดฐานพาอาวุธขวานไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลย 60 บาทจะยุติไปแล้วเพราะต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ก็ตามเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้ท่อเหล็กแป๊บน้ำของกลางตีทำร้ายผู้เสียหายหาใช่ว่าใช้ขวานเป็นอาวุธฟันทำร้ายผู้เสียหายไม่ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องจำเลยในข้อหาพาอาวุธขวานไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน”
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุก 2 ปี และปรับ4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและจำเลยหยุดยั้งไม่ทำร้ายผู้เสียหายต่อไปทั้งๆที่มีโอกาสที่จะทำร้ายต่อไปได้อีกทั้งได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนนับว่ามีเหตุอันควรปรานีสมควรรอการลงโทษและคุมความประพฤติไว้เพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีจึงให้รอการลงโทษจำเลยไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 และให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อหนึ่งครั้งตลอดระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ดังกล่าวหากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ข้อหาความผิดอื่นนอกนี้ให้ยกฟ้อง

Share