คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิแห่งทรัพย์สินใดใดอันเป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดูความฝ่านนั้นย่อมใช้ ยันแก่เจ้าหนี้ผู้ยึดทรัพย์ของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ บทบัญญัติใน ป.พ.พ. ม 1686 ซึ้งห้ามการต่อตั้งศรัสต์หาได้มีผลย้อนหลังไปทำลายตรัสต์ซึ่งได้ก่อตั้งไว้แล้วโดยชอบก่อนใช้ประมวลกฎหมายนั้นไม่

ย่อยาว

โจทก์ชนะความจำเลยเรื่องฟ้องเรียกเงินผู้ จึงบังคับคดียึดที่รายพิพาทซึ่งปรากฏว่านางแพเป็นผู้ถือกรรมสิทธิโดยจำเลยเป็นตรัสตีแต่โจทก์แถลงว่านางแพตาย ที่ดินตกเป็นมฤดกแก่จำเลยกับพี่น้อง โจทก์จะเอาชำระหนี้จากส่วนที่เป็นของจำเลยผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าที่ที่โจทก์ยึดเป็นของนางแพหาใช่ของจำเลยไม่
ปรากฏตามเอกสารที่คู่ความอ้างว่าที่รายนี้จำเลยกับผู้ร้องเคยเป็นความกันมาก่อนแล้วโดยในคดีนั้นศาลได้พิพากษาเป็นยุตติว่าจำเลยไม่มีกรรมสิทธิในที่รายพิพาท นางแพได้ทำพินัยกรรมตั้งตรัสต์ขึ้นไว้ ทั้งได้ถอดจำเลยออกเสียจากตรัสต์ด้วย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำพิพากษาในคดีก่อนผูกพันจำเลยและผู้ร้อง ที่รายพิพากษาในคดีก่อนผูกพันจำเลยและผู้ร้อง ที่รายพิพาทมิใช่เป็นกรรมสิทธิของจำเลย ให้คอนการยึดศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่รายพิพาทได้มีคำ พิพากษาชี้ขาดแล้วว่าไม่ใช่ของจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะมาสวมสิทธิของจำเลยร้องว่า ที่พิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยไม่ได้ ส่วนการตั้งตรัสต์นั้นมาตรา 1686 ไม่มีผลย้อนหลัง การก่อตั้งตรัสต์รายนี้จึงมีผลบางประการในกฎหมาย คดีนี้โจทก์ได้พิสูจน์ว่าตรัสต์กำหนดสิ้นสุดแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share