แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันค่าโคกะบือโดยมิได้รับอนุญาตและว่ามีสัญญาจ่ายเงินรางวันผู้นำจับโดยจ้างประกาส ส่วนคำขอท้ายฟ้องขอไห้ลงโทสและริบของท้ายฟ้องขอไห้ลงโทสและริบของกลางแต่ไม่มีคำขอบังคับไนเรื่องค่าบำเหน็ดนำจับ ศาลไม่บังคับไห้
การบังคับไห้จำเลยไช้ค่าทดแทนตาม ป.ว.อ.ม.249 ต้องบังคับตามประมวนวิธีพิจารนาแพ่ง ฉะนั้นคำขอไห้ไช้เงินบำเหน็ดจึงเปนคำขอทางแพ่ง ซึ่งต้องมีคำขอบังคับตาม ม.172 ประมวนวิธีพิจารนาความแพ่ง
ย่อยาว
โจทฟ้องว่าจำเลยสมคบกันค่าโค 1 ตัวโดยมิได้รับอนุญาต และผู้แจ้งความขอรับรางวันนำจับเจ้าพนักงานสัญญาจ่ายเงินรางวันนำจับไห้แก่ผู้นำจับ 10 บาท หรือตามแต่สาลเห็นสมควน ปรากดตามสัญญาท้ายฟ้อง ขอไห้สาลลงโทสจำเลยตาม พ.ร.บ.ค่าโคกะบือและสุกรตามหัวเมือง ร.ส.119 มาตรา 18 และประกาสไห้เงินบำเหน็ดจับผู้กะทำผิดพาสีอากร ร.ส.121
จำเลยไห้การรับสารภาพ
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้ว พิพากสาว่าจำเลยทำผิด พ.ร.บ.ลักสนะค่าโคกะบือและสุกรตามหัวเมือง ร.ส.119 มาตรา 18 ไห้บังคับจำเลยรวม 40 บาท
โจทอุธรน์ ขอไห้สาลอุธรน์บังคับไช้เงินบำเหน็ดนำจับ สาลอุธรน์วินิฉัยว่าเมื่อโจทไม่มีคำขอไห้จำเลยไช้เงินบำเหน็ดนำจับมาไนฟ้อง สาลจะตัดสินเกินคำขอไม่ได้ จึงพิพากสายืน
โจทดีกาว่าได้อ้างกดหมายคือประกาสไห้เงินบำเหน็ดจับผู้กะทำผิดพาสีอากร ร.ส.121 มาไนฟ้อง ซึ่งเท่ากับมีคำขอไห้จำเลยไช้บำเหน็ดแล้ว สาลดีกาพร้อมกันปรึกสาเห็นว่า การบังคับไห้จำเลยไช้ค่าทดแทนดั่งเช่นเงินบำเหน็ดนี้ ตาม ป.ว.อ.มาตรา 249 ท่านไห้บังคับตามบทบัญญัติประมวน ฯวิธีพิจารนาความแพ่ง คำขอไห้ไช้เงินบำเหน็ดจับ จึงเปนคำขอทางแพ่ง ประมวนพิจารนาความแพ่ง มาตรา 173 บังคับว่าคำฟ้องแพ่งต้องมีคำขอบังคับเมื่อคดีปรากดว่าโจทเพียงแต่อ้างกดหมายแต่ไม่มีคำขอบังคับ สาลจึงไม่ตัดสินไห้จำเลยไช้เงินบำเหน็ดจับ พิพากสายืนตาม