แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่ ว. กับ ศ. ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้ขับไล่บุคคลทั้งสองชั้นบังคับคดีจำเลยได้ยื่นคำร้องว่าไม่ใช่บริวารบุคคลทั้งสองศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นบริวารและให้ขับไล่จำเลยคดียังไม่ถึงที่สุดดังนี้เมื่อคดีก่อนจำเลยมิได้เป็นคู่ความการที่โจทก์มาฟ้องคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยคู่ความในคดีนี้กับคดีก่อนจึงไม่ใช่คู่ความรายเดียวกันอันจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148และ144 จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ในส่วนค่าเสียหายเคลือบคลุมโดยไม่ได้แสดงเหตุผลแห่งการปฏิเสธจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้การที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทและศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบฎีกาจำเลยข้อนี้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง แม้โจทก์ได้ขายที่ดินและตึกแถวพิพาทให้บุคคลภายนอกไปก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ไม่ลบล้างสิทธิต่างๆของโจทก์ที่มีอยู่เดิมที่ได้ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายไว้โจทก์อาจเสียสิทธิไปเฉพาะเรื่องค่าเสียหายหลังจากการขายที่ดินและตึกแถวพิพาทไปแล้วเท่านั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่9701, 9703, 9704, 9709, 9710, 9711, 9712 และ 9713 รวม 8 แปลงพร้อม สิ่งปลูกสร้าง เป็น ตึกแถว บน ที่ดิน โดย โจทก์ รับโอน ที่ดิน และตึกแถว ดังกล่าว มาจาก นาย นิมนต์ เป็น การ ชำระหนี้ จำนอง จำเลย และ บริวาร เข้า อยู่อาศัย ใน ที่ดิน และ ตึกแถว ดังกล่าว ของ โจทก์ โดย ไม่มี สิทธิโจทก์ บอกกล่าว ให้ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดิน และ ตึกแถว ดังกล่าว แล้วแต่จำเลย เพิกเฉย ขอให้ บังคับ จำเลย ชดใช้ ค่าเสียหาย 400 บาท กับ ให้จำเลย และ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดิน และ ตึกแถว ดังกล่าว ของ โจทก์ หาก ไม่ออกให้ ชดใช้ ค่าเสียหาย เป็น เงินเดือน ละ 40,000 บาท จนกว่า จะ ออก ไป
จำเลย ให้การ และ ฟ้องแย้ง ว่า โจทก์ ไม่ใช่ เจ้าของ ผู้ มี กรรมสิทธิ์ใน ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท แต่ ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท เป็น กรรมสิทธิ์ของ นาย นิมนต์ นายนิมนต์ ไม่เคย โอน ชำระหนี้ จำนอง ให้ แก่ โจทก์ จำเลย เข้า อยู่ ใน ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท โดย อาศัย สิทธิ ของ นาย นิมนต์ ตลอดมา โจทก์ เคย ดำเนินการ บังคับคดี ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดงที่ 26958/2528 ของ ศาลชั้นต้น โดย อ้างว่า จำเลย เป็น บริวาร ของ จำเลยใน คดี ดังกล่าว และ ให้ ออก ไป จาก ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท ขณะ นี้ คดี อยู่ระหว่าง การ พิจารณา ของ ศาลชั้นต้น การ ที่ โจทก์ ฟ้องคดี นี้ จึง เป็น การฟ้องซ้ำ และ ดำเนิน กระบวนพิจารณา ซ้ำ คำฟ้อง ของ โจทก์ เกี่ยวกับค่าเสียหาย เคลือบคลุม โจทก์ ไม่มี สิทธิ เรียก ค่าเสียหาย เดือน ละ40,000 บาท เพราะ ไม่ได้ บรรยาย ไว้ ใน คำฟ้อง โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้องการ ที่ โจทก์ ฟ้อง จำเลย เป็น การ กลั่นแกล้ง จำเลย อันเป็น ละเมิด ทำให้ จำเลยได้รับ ความเสียหาย ทางการ ค้า และ ชื่อเสียง ขอให้ ยกฟ้อง และ ให้ โจทก์ใช้ ค่าเสียหาย แก่ จำเลย เดือน ละ 5,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง รับคำ ให้การ จำเลย ส่วน ฟ้องแย้ง เป็น คดีมี ทุนทรัพย์ จำเลย มิได้ ตั้ง ทุนทรัพย์ ไว้ จึง ให้ จำเลย คำนวณ ตั้งทุนทรัพย์ และ ชำระ ค่าขึ้นศาล ภายใน 7 วัน มิฉะนั้น ไม่รับฟ้อง แย้งจำเลย ไม่ ดำเนินการ ตาม ที่ ศาลชั้นต้น กำหนด ศาลชั้นต้น จึง มี คำสั่งไม่รับฟ้อง แย้ง ต่อมา ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ให้ จำเลยพร้อม บริวาร ออก ไป จาก ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท หาก จำเลย และ บริวารไม่ออก ให้ ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ เดือน ละ 1,500 บาท ต่อ ที่ดินพิพาท1 แปลง นับแต่ วันที่ จำเลย ทราบ คำบังคับ เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ออก ไป จากที่ดินพิพาท คำขอ อื่น นอกจาก นี้ ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์ คำสั่ง ที่ ไม่รับฟ้อง แย้ง และ อุทธรณ์ คำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ในเบื้องต้น ว่า เดิม ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท เป็น ของนาย นิมนต์ วงศ์ชินศรี นาย นิมนต์ ได้ นำ ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท จดทะเบียน จำนอง ไว้ แก่ โจทก์ ต่อมา มี การ จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท เป็น ของ โจทก์ จำเลย เป็น นิติบุคคล มี สำนักงานตั้ง อยู่ ใน ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท โจทก์ บอกกล่าว ให้ จำเลย ออก ไป จากที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท แล้ว แต่ จำเลย ไม่ออก ไป ก่อน คดี นี้ โจทก์ได้ ฟ้องขับไล่ นาย วันชัยกับนางสาวศิริวรรณ จันทะสุขศิลป์ ออกจาก ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท ศาลชั้นต้น พิพากษา ถึงที่สุด ให้ ขับไล่บุคคล ทั้ง สอง แล้ว ตาม คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 26958/2528 ของ ศาลชั้นต้นใน ชั้น บังคับคดี จำเลย ได้ ยื่น คำร้อง ว่า ไม่ใช่ บริวาร ของ บุคคล ทั้ง สองและ มีสิทธิ ที่ จะ อยู่ ใน ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท ได้ ศาลชั้นต้น มี คำสั่งว่า จำเลย เป็น บริวาร ของ จำเลย ใน คดี ดังกล่าว และ ให้ ขับไล่คดี ยัง ไม่ถึงที่สุด
ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา จำเลย ข้อ ต่อไป มี ว่า ฟ้องโจทก์ เป็นฟ้องซ้ำ หรือ ดำเนิน กระบวนพิจารณา ซ้ำ กับ คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่26958/2528 ของ ศาลชั้นต้น หรือไม่ นั้น ใน คดี ดังกล่าว โจทก์ ฟ้องขับไล่นาย วันชัยกับนางสาวศิริวรรณ ศาล พิพากษา ให้ ขับไล่ บุคคล ทั้ง สอง คดีถึงที่สุด แล้ว ชั้น บังคับคดี จำเลย ได้ ยื่น คำร้อง ใน คดี ดังกล่าว ว่าไม่ใช่ บริวาร บุคคล ทั้ง สอง นั้น แต่ ศาลชั้นต้น ได้ มี คำสั่ง ว่า จำเลยเป็น บริวาร และ ให้ ขับไล่ จำเลย คดี ยัง ไม่ถึงที่สุด เห็นว่า ใน คดีดังกล่าว จำเลย มิได้ เป็น คู่ความ แต่อย่างใด ดังนั้น คู่ความ ใน คดี นี้กับ คดี ดังกล่าว จึง ไม่ใช่ คู่ความ ราย เดียว กัน อัน จะ ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 และ 144 ฟ้องโจทก์จึง ไม่เป็น ฟ้องซ้ำ หรือ ดำเนิน กระบวนพิจารณา ซ้ำ กับ คดี ดังกล่าวฎีกา จำเลย ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น
จำเลย ฎีกา อีก ข้อ หนึ่ง ว่า คำฟ้อง เกี่ยวกับ คำ เสียหาย ของ โจทก์เคลือบคลุม จำเลย ไม่ต้อง ชดใช้ ค่าเสียหาย ให้ โจทก์ และ ศาล กำหนดค่าเสียหาย สูง เกิน ไป นั้น เห็นว่า ใน เรื่อง ฟ้องเคลือบคลุม นั้น จำเลยให้การ แต่เพียง ว่า ฟ้องโจทก์ ใน ส่วน ค่าเสียหาย เคลือบคลุม โดย ไม่ได้แสดง เหตุผล แห่ง การ ปฏิเสธ จึง ไม่มี ประเด็น ใน เรื่อง นี้ ที่ ศาลชั้นต้นกำหนด เป็น ประเด็น ข้อพิพาท ไว้ และ ศาลล่าง ทั้ง สอง วินิจฉัย ให้ เป็น การไม่ชอบ ฎีกา จำเลย ข้อ นี้ จึง เป็น ข้อ ที่ ไม่ได้ ยกขึ้น ว่า กัน มา แล้วโดยชอบ ใน ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ ตาม ประมวล กฎหมาย วิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย ส่วน ฎีกาข้อ ต่อไป นั้น เห็นว่า เมื่อ จำเลย ยอมรับ ว่า อยู่ ใน ที่ดิน และ ตึกแถวพิพาท โดย อาศัย สิทธิ ของ นาย นิมนต์ และ ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่า นาย นิมนต์ ไม่ใช่ เจ้าของ ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท โจทก์ ได้ แจ้ง ให้ จำเลย ออก ไป แต่ จำเลย ไม่ออก จึง เป็น การ ละเมิด สิทธิ โจทก์ และ ย่อม ทำให้โจทก์ เสียหาย จำเลย จึง ต้อง ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ส่วน ที่ จะ ชดใช้ค่าเสียหาย เพียงใด นั้น เห็นว่า ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาท อยู่ถนน รองเมือง ซอย 5 ถือว่า อยู่ ใน ย่า นการค้า แม้ จะ ไม่ ติด ถนน ใหญ่ การ ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง กำหนด ค่าเสียหาย เท่ากับ ค่าเช่า ห้อง ละ 1,500 บาทต่อ เดือน จึง เป็น การ กำหนด ค่าเสียหาย ที่ เป็น ประโยชน์ แก่ จำเลย มาก แล้วฎีกา จำเลย ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น
จำเลย ฎีกา เป็น ประการ สุดท้าย ว่า ก่อน อ่าน คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์โจทก์ ได้ ยื่น คำแถลง ต่อ ศาลชั้นต้น ว่า ได้ ขาย ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาทให้ บุคคลภายนอก ไป อำนาจฟ้อง ของ โจทก์ จึง หมด ไป นั้น เห็นว่า การกระทำของ โจทก์ ดังกล่าว ไม่ ลบล้าง สิทธิ ต่าง ๆ ของ โจทก์ ที่ มี อยู่ เดิมที่ ได้ ฟ้องขับไล่ จำเลย และ เรียก ค่าเสียหาย ไว้ ก่อน แล้ว โจทก์ อาจเสีย สิทธิ ไป เฉพาะ เรื่อง ค่าเสียหาย หลังจาก การ ขาย ที่ดิน และ ตึกแถว พิพาทไป แล้ว เท่านั้น ฎีกา จำเลย ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น อีก เช่นกัน ”
พิพากษายืน